คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของโจทก์จึงไม่เสียไปแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์นั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และแม้จะยังมิได้มีการชำระราคาทรัพย์ครบถ้วน หรือยังมิได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 จากการขายทอดตลาดของศาล จำเลยอยู่ในที่ดินนั้นเป็นการรอนสิทธิและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์บอกกล่าวกำหนดเวลาให้ออกไป ครบกำหนดจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 51 และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่า โจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด แต่ยังชำระราคาไม่ครบถ้วนและยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์โจทก์มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้องและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 โดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์ทราบการยื่นคำร้องขอของจำเลย แต่มิได้คัดค้านขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 51หมู่ที่ 4 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์และบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 19995มีราคา 67,641.43 บาท ดังนั้นราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่แก้ไขแล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเช่นว่านี้ ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 238 ประกอบ 247 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่าเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2530 โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 15320 และโฉนดเลขที่ 19995 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลชั้นต้นรวม 2 แปลง โดยสุจริตในราคา 2,680,000 บาท วางมัดจำไว้ 800,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 5 ตุลาคม 2530 จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 24 ธันวาคม 2530 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 19995 อันเป็นที่ดินพิพาทคดีนี้โดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาทแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของโจทก์จึงไม่เสียไปแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์นั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 และสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์โดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ดังกล่าว แม้จะยังมิได้มีการชำระราคาทรัพย์ครบถ้วนหรือยังมิได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อนั้นได้ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2506 ระหว่าง นางเซี้ยนหรือเสี้ยนศรีอาวุธ โจทก์ นายกัน ลบลาย กับพวก จำเลย คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share