คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ในคดีที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาลแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าส.และหญิงผู้ตายนั่งรถจักรยานสามล้อของจำเลยชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพว่าหลังจากส.ปลุกปล้ำร่วมประเวณีกับผู้ตายแล้วจำเลยได้ขอร่วมประเวณีกับผู้ตายแต่ผู้ตายไม่ยอมได้ดิ้นรนข่วนหน้าจำเลยผลักจำเลยตกน้ำซึ่งปรากฏจากรายงานการตรวจร่างกายที่บริเวณโหนกแก้มซ้ายขวาของจำเลยมีรอยถลอกเป็นขีดยาวๆประมาณ1ซม.-3ซม.10กว่าแผลและได้กางเกงเสื้อของจำเลยเปียกน้ำเปื้อนโคลนหมกอยู่ในบ้านจำเลยเป็นพยานแวดล้อมกรณีหรือพยานพฤติเหตุประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยศาลฟังได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตาย.(ที่มา-เนติฯ)

ย่อยาว

ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 จำคุก ตลอด ชีวิต ให้ เปลี่ยน โทษ เป็น จำคุก 50 ปี มี ความผิด ตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของ คณะปฏิรูป การปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ข้อ 3, 6 และ 7 จำคุก ฐานมี ปืน โดย ไม่ ได้ รับ อนุญาต 1 ปี ฐาน พก อาวุธปืน ไป ใน ทางสาธารณะฯ 6 เดือน รวม จำคุก 51 ปี 6 เดือน จำเลย อายุ ไม่เกิน 17 ปี ลด มาตราส่วน โทษ กึ่งหนึ่ง คง จำคุก25 ปี 9 เดือน ลดโทษ อีก 1 ใน 3 เหลือ โทษจำคุก 17 ปี 2 เดือน ริบ หัวกระสุนปืน ของกลาง ศาลอุทธรณ์ พิพากษา แก้เป็น ว่า จำเลย อายุ ไม่เกิน 17 ปี ลด มาตรา ส่วน โทษ กึ่งหนึ่ง ลงโทษตาม มาตรา 288 จำคุก 25 ปี ฐาน มี อาวุธปืนฯ จำคุก 6 เดือน ฐาน มี อาวุธติดตัว ไป ทางสาธารณะ จำคุก 3 เดือน รวม เป็น จำคุก 25 ปี 9 เดือนลดโทษ ให้ 1 ใน 3 คง จำคุก 17 ปี 2 เดือน จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ‘ข้อหา ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯต้องห้าม มิให้ คู่ความ ฎีกา ใน ปัญหา ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ดังนั้น ปัญหา ใน ชั้นฎีกาจึง มี เฉพาะ ใน ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ที่ จำเลยนำสืบ เป็น ทำนอง ว่า ชาย 2 คน ที่ ขับ รถจักรยานยนต์ มา หยุด ท้ายรถจักรยานสามล้อ ของ จำเลย เป็น ผู้ ยิง ผู้ตาย นั้น ไม่ สม เหตุผลกล่าวคือ จำเลย เบิกความ ว่า เมื่อ รถจักรยานยนต์ ของ ชาย ทั้ง สองขับ มา หยุด ท้าย รถจักรยานสามล้อ ของ จำเลย จำเลย ก็ กระโดด หนี เหลือผู้ตาย และ นาย สมชาย อยู่ บน รถ ชาย ที่ นั่ง ซ้อนท้าย ใช้ ปืน ยิงมา ยัง นาย สมชาย 2 นัด นาย สมชาย จึง วิ่ง หนี ไป อีก คนหนึ่ง เหลือผู้ตาย ที่ รถ เพียง ผู้เดียว และ มี เสียงปืน อีก 2 นัด ซึ่ง หาก เป็นความจริง เมื่อ รถจักรยานยนต์ ไป แล้ว จำเลย ได้ ขี่ รถจักรยานสามล้อกลับ บ้าน จำเลย ก็ จะ ต้อง เห็น ผู้ตาย ถูก ยิง อยู่ ที่รถจักรยานสามล้อ หรือ ใกล้เคียง บริเวณ นั้น แต่ ก็ หา ปรากฏ เช่นนั้นไม่ เหตุผล สำคัญ อีก ประการ หนึ่ง หาก จำเลย และ นาย สมชาย ถูก คนร้ายแต่งกาย เป็น ตำรวจ ใช้ อาวุธปืน ยิง ซึ่งๆ หน้า เช่นนั้น จำเลย หรือนาย สมชาย ก็ น่า จะ ต้อง ไป แจ้งความ ต่อ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ข้อแก้ตัวที่ ว่า ชาย 2 คน ที่ ขับ รถจักรยานยนต์ เป็น ผู้ ยิง ผู้ตาย จึง รับฟัง ไม่ ได้
สำหรับ พยาน หลักฐาน ฝ่าย โจทก์ นั้น โจทก์ มี นาย มนู ศรีกระสินธุ์ซึ่ง เป็น ลูกพี่ ลูกน้อง กับ นาย สมชาย เบิกความ เป็น พยาน ว่า คืนวัน เกิดเหตุ นาย มนู เห็น นาย สมชาย และ หญิง ผู้หนึ่ง นั่งรถจักรยานสามล้อ ของ จำเลย เข้า ไป ใน ซอย เรวดี ซึ่ง ความจริง ข้อ นี้รับ ฟัง ได้ เพราะ ตรง กับ ข้อ นำสืบ ของ จำเลย เอง นอกจาก นั้น ปรากฏจาก รายงาน การ ตรวจ ร่างกาย ของ จำเลย ตาม เอกสาร หมาย จ.10 ว่า ที่บริเวณ โหนกแก้ม ซ้าย ขวา ของ จำเลย มี รอยถลอก เป็น ขีด ยาวๆ ประมาณ1 เซนติเมตร 2 เซนติเมตร 3 เซนติเมตร ประมาณ 10 กว่า แผล ซึ่ง เป็น การเจือสม กับ ที่ จำเลย ให้การ รับสารภาพ ใน ชั้น สอบสวน ตาม เอกสาร หมายปจ.1 ว่า หลังจาก ที่ นาย สมชาย ปลุกปล้ำ ร่วมประเวณี กับ ผู้ตาย และทั้ง สอง คน กลับ มา ที่ รถจักรยานสามล้อ แล้ว จำเลย ได้ ขอ ร่วมประเวณีกับ ผู้ตาย โดยตรง ไป จับ ข้อมือ ผู้ตาย ผู้ตาย ไม่ ยอม ได้ ดิ้นรนและ ใช้ มือขวา ข่วน ที่ แก้มขวา บริเวณ จมูก และ ผลัก จำเลย ตกลง ไปใน คูน้ำ ข้าง ทาง สำหรับ เรื่อง ที่ จำเลย ถูก ผู้ตาย ผลัก ตก ลง ไป ในคูน้ำ ข้างทาง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ก็ ค้น ได้ กางเกง และ เสื้อ ของ จำเลยเปียก น้ำ เปื้อน โคลน หมก อยู่ ใน บ้าน ของ จำเลย ฉะนั้น ถึงแม้ ขณะเกิดเหตุ จะ ไม่ มี พยาน รู้เห็น เพราะ นอกจาก จำเลย ผู้ตาย และ นายสมชาย แล้ว ไม่ มี คนอื่น อยู่ ใน ที่ เกิดเหตุ โจทก์ ก็ มี พยานแวดล้อม หรือ พยาน พฤติเหตุ ดังกล่าว มา แล้ว ประกอบ กับ คำ รับสารภาพใน ชั้น สอบสวน ของ จำเลย รับฟัง ได้ โดย ปราศจาก ข้อสงสัย ว่า จำเลยเป็น ผู้ ยิง ผู้ตาย หา ใช่ คนอื่น ไม่ ฎีกา จำเลย ฟัง ไม่ ขึ้นศาลอุทธรณ์ พิพากษา ชอบ แล้ว’
พิพากษา ยืน

Share