คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่บุคคลใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตหรือไม่สุจริตตามความหมายแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1312 วรรคแรกและวรรคสองนั้นถ้าสร้างโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้ก็เป็นโดยสุจริตแต่ถ้าทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่ที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้แล้วก็เป็นโดยไม่สุจริต
จำเลยเช่าที่ดินโจทก์กว้าง 3 วา 2 ศอก แล้วปลูกบ้านเต็มความกว้างดังกล่าว หลังคาบ้านจำเลยบางส่วนรุกล้ำที่ดินโจทก์ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินที่เช่านั้นจำเลยจะอ้างว่าได้สร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตไม่ได้กรณีต้องบังคับตาม มาตรา1312 วรรคสอง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าที่ดินโจทก์ส่วนที่รุกล้ำเดือนละ50 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมไปจนกว่าโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำจะบุบสลายไป หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ แต่ถ้าจำเลยไม่ยอมชำระเงินค่าใช้ที่ดินให้โจทก์ ก็ให้จำเลยรื้อโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำออกไป ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปให้พ้นเขตที่ดินของโจทก์ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์มีสิทธิรื้อโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อทั้งหมด จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่า บ้านที่จำเลยปลูกขึ้นนี้ หลังคาบ้านบางส่วนได้คร่อมหลังคาบ้านโจทก์ในปัญหาที่ว่าจำเลยปลูกบ้านรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตหรือไม่นั้น การที่บุคคลใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตหรือไม่สุจริตตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 วรรคแรกและวรรคสองนั้น หมายความว่า สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือเป็นที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างหรือไม่ ถ้าสร้างโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้ ก็เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตแต่ถ้าทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่ที่ดินของตนหรือที่ดินของผู้อื่นที่ตนมีสิทธิสร้างได้แล้ว ก็เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่สุจริตสำหรับกรณีนี้ปรากฏว่าที่ดินที่จำเลยเช่าโจทก์กว้างเพียง 3 วา 2 ศอก นายจเรพยานโจทก์ซึ่งเป็นช่างปลูกบ้านเบิกความว่าจำเลยบอกให้ปลูกบ้านกว้าง 3 วา 2 ศอก และตามแผนที่พิพาทก็ปรากฏว่าเสาบ้านด้านหน้าของจำเลยห่างกัน 3 วา 2 ศอก โดยปกติการปลูกบ้านนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าหลังคาบ้านจะต้องยื่นออกไปจากตัวบ้าน หากปลูกบ้านกว้างถึง 3 วา 2 ศอกเต็มที่ดิน หลังคาบ้านก็จะต้องรุกเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นซึ่งจำเลยก็ยอมรับในข้อนี้ ที่จำเลยอ้างว่าไม่ทราบว่ามีการรุกล้ำนั้น จึงยากที่จะเชื่อถือประกอบทั้งเรื่องนี้ในระหว่างปลูกสร้าง นายจเรช่างปลูกบ้านก็เบิกความว่าโจทก์เคยให้นายจเรรังวัดสอบที่ดินที่ปลูกบ้าน ปรากฏว่าด้านหน้าและด้านหลังรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โจทก์เบิกความว่าได้บอกให้จำเลยร่นออกไปในขณะที่สร้าง แต่จำเลยขัดขืนไม่ยอมร่น ได้บอกว่าจะขอปลูกไปก่อนแล้วจะรื้อให้ภายหลัง เห็นว่าเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนให้สิ้นไปอันเป็นปกติวิสัยของผู้ที่ได้รับความเสียหายที่จะต้องรีบจัดการแก้ไข รูปคดีจึงเชื่อว่าโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบขณะนั้นจริง ดังนี้เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มั่นคง ประกอบด้วยเหตุผลฟังได้ว่าจำเลยได้ปลูกบ้านรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยทราบมาก่อนแล้ว เช่นนี้จำเลยจะอ้างว่าได้สร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตไม่ได้กรณีต้องบังคับตามมาตรา 1312 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”

พิพากษายืน

Share