คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 30,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1(ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ร่วมกันรับผิดในจำนวนเงิน30,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน สัญญาจะจ่ายเงิน30,000 บาท ให้แก่โจทก์เมื่อครบกำหนด 34 วันนับแต่วันที่ลงในตั๋ว โดยมีจำเลยที่ 2 ลงชื่อรับรองเป็นอาวัล เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับรองเป็นอาวัลเพียง 5,000บาทเท่านั้น ในขณะนั้นแบบฟอร์มทุกฉบับยังไม่มีการกรอกข้อความ จำเลยที่ 1 กับตัวแทนโจทก์ได้สมคบกันปลอมแปลงข้อความ นิติกรรมจึงเป็นโมฆะ ใช้บังคับกับจำเลยที่ 2 ไม่ได้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ 30,000 บาท แล้วผิดนัดไม่ชำระเงินให้โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง คงรับฟังเป็นความจริงได้เท่าที่จำเลยที่ 2 รับเท่านั้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2520 (วันผิดนัด) จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น โดยให้จำเลยที่ 2 รับผิดเพียง 5,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2520 จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้800 บาท เฉพาะจำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เพียงเท่าจำนวนเงินที่โจทก์ชนะคดีโดยกำหนดค่าทนายความให้ 300 บาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 30,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2520 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยที่ 1 รับผิดกับให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 600 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นการแก้มาก จึงสั่งรับฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ร่วมกันรับผิดในจำนวนเงิน 30,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฎีกาจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาไม่ถูกต้องศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกา คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้จำเลยที่ 2 ทั้งหมดค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share