คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทุกคนรู้ภาษาอังกฤษ เมื่อข้อความด้านหน้าบัตรเครดิตมีข้อความว่าเปลี่ยนไม่ได้ (NOTTRANSFERABLE) จำเลยทุกคนรู้แล้วว่าบัตรเครดิตเป็นของบุคคลอื่นตนเองย่อมไม่อาจนำมาใช้ได้ และด้านหลังของบัตรก็มีลายมือชื่อของเจ้าของบัตรที่แท้จริง (AUTHORIZEDSIGNA-TURE) และมีข้อความรวม ๆ ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรเครดิต จะนำไปใช้ไม่ได้ขอให้ส่งคืนแก่บริษัทผู้เสียหาย จำเลยทุกคนรู้ว่าการนำบัตรเครดิตไปใช้จะต้องลงชื่อให้ตรงกับลายมือชื่อหลังบัตรนั้นแต่จำเลยก็ยังคงเอาบัตรเครดิตดังกล่าวไปใช้ ดังนี้เชื่อว่าจำเลยใช้บัตรเครดิตไปโดยรู้ว่าเป็นบัตรเครดิตปลอม จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 และริบของกลาง
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ให้วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา265 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 คนละ 2 ปี ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 กระทงละ 2 ปี รวม 3 กระทงจำคุก 6 ปี และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 4 กระทงละ 2 ปี รวม 6 กระทงจำคุก 12 ปี ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยทั้งห้าในข้อหาใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ด้วย ไม่ริบของกลางนอกจากที่แก้คงให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…บัตรเครดิตตามเอกสารหมาย จ.1, จ.2, จ.5,จ.6 เป็นบัตรเครดิตปลอมหรือไม่ กรณีฟังได้ว่า บัตรเครดิตดังกล่าวเป็นของปลอม ปัญหาต่อไปคงมีว่า จำเลยรู้หรือไม่ว่าบัตรเครดิตดังกล่าวเป็นบัตรเครดิตปลอม จำเลยทุกคนรู้ภาษาอังกฤษจะเห็นได้ว่า จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เบิกความเป็นภาษาอังกฤษข้อความด้านหน้าบัตรเครดิตดังกล่าวมีข้อความว่าเปลี่ยนไม่ได้(NOT TRANSFERABLE) ดังนั้นจำเลยทุกคนรู้แล้วว่าบัตรเครดิตเป็นของบุคคลอื่นตนเองย่อมไม่อาจนำมาใช้ได้และด้านหลังของบัตรเครดิตก็มีลายมือชื่อของเจ้าของบัตรที่แท้จริง (AUTHORIZEDSIGNATURE) และมีข้อความรวมๆ มีความหมายว่าผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรจะนำไปใช้ไม่ได้ ขอให้ส่งคืนแก่บริษัทผู้เสียหาย จำเลยทุกคนรู้ว่าการนำบัตรไปใช้จะต้องลงชื่อให้ตรงกับลายมือชื่อหลังบัตร แต่จำเลยก็ยังคงกระทำไป การกระทำดังกล่าวศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยใช้บัตรเครดิตไปโดยรู้ว่า บัตรเครดิตดังกล่าวเป็นบัตรเครดิตปลอม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคดีชอบแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share