คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างรถยนต์แท็กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ที่ 3คอยอยู่ในรถใกล้ๆ บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับคนขับบอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้า ในลักษณะคุมคนขับให้คอยรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมา เมื่อจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์มาได้แล้วก็ขึ้นรถและจำเลยที่ 3 บอกให้ขับรถหนีไปถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันปืนหน้าต่างเข้าไปในบ้านแล้วลักเอาวิทยุสเตอริโอ 1 เครื่อง ของนายคอย อิ่มอ่ำไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกไว้คนละ 2 ปี

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ในปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 นำเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริต และวินิจฉัยพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามว่า ตามที่โจทก์นำสืบมาเชื่อว่าจำเลยทั้งสามร่วมคบคิดกันมาก่อนที่จะลักทรัพย์รายนี้ โดยว่าจ้างรถยนต์แท็กซี่ไปด้วยกัน เมื่อถึงสถานที่ที่จะลงมือลักทรัพย์ก็แบ่งหน้าที่กัน โดยจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้เสียหายและเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมา เพราะเป็นคนอยู่ในบ้านผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2, ที่ 3 คอยอยู่ในรถยนต์ใกล้ ๆ บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 3 นั่งคู่กับนายทองเติมคนขับรถบอกให้เลื่อนรถไปข้างหน้าอีก 1 ช่วงเสาไฟฟ้าในลักษณะคุมคนขับรถยนต์ให้คอยรับจำเลยที่ 1 กับทรัพย์ที่ลักมาแล้วพาหนีไป จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share