คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตแต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้ ที่จำเลยให้การว่าทำเช็คพิพาทหายไปไม่เป็นเหตุผลที่จะให้รับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วย ชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายโดยผู้มีชื่อนำมาชำระหนี้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าสิ่งของให้แก่ผู้มีชื่อ แต่เช็คดังกล่าวหายไปก่อนที่จะนำไปชำระหนี้ จำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คนั้นไว้กับธนาคาร และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน จำเลยมิได้สั่งจ่ายเช็คดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์ได้เช็คนั้นมาโดยไม่สุจริตและเช็คนั้นไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงตามกฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยรับว่าได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท และไม่ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อฉ้อฉลจำเลยหรือโดยไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ โจทก์จึงเป็นผู้ทรง เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยจึงมีหน้าที่ที่จะต้องใช้เงินตามเช็คนั้นแก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยมีประเด็นข้อพิพาท จำเลยย่อมนำสืบได้ ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีนั้นไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตนั้น เห็นว่าจำเลยไม่ได้ให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในปัญหาข้อนี้ และที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้นั้นก็เป็นการปฏิเสธฟ้องของโจทก์ที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คพิพาทมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยการคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อ ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คนั้นไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา ๙๑๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ ทำให้จำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในข้อนี้อีกด้วยที่จำเลยให้การว่าได้ทำเช็คพิพาทหายไปนั้นไม่เป็นเหตุผลที่จะให้รับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต ถึงแม้จะให้จำเลยนำสืบในประเด็นข้อนี้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ไม่อาจที่จะทำให้เกิดผลดีแก่คดีของจำเลยขึ้นมาได้ ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์จึงชอบแล้ว
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share