คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกได้นำถังน้ำยาสำหรับฉีดฆ่าหญ้าเข้าไปฉีดต้นยางพาราและนำรถไถเข้าไปไถที่ดินของผู้เสียหาย แล้วปลูกต้นยางพาราและถั่วฝักยาวลงในที่ดินดังกล่าว แม้ผู้เสียหายจะมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.9 ให้ ส. ไปร้องทุกข์เฉพาะความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพียงข้อหาเดียว ไม่ได้มอบอำนาจให้ไปร้องทุกข์ในความผิดฐานบุกรุกด้วยก็ตาม แต่ความผิดทั้งสองฐานเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องกันและเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน การร้องทุกข์ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วเท่ากับร้องทุกข์ในความผิดฐานบุกรุกด้วย เมื่อมีการสอบสวนความผิดทั้งสองข้อหาแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องความผิดทั้งสองข้อหาและศาลมีอำนาจลงโทษความผิดฐานบุกรุกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,362, 365, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ 362 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 358 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ให้จำคุก 1 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยร่วมกับพวกบุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้เสียหายแล้วร่วมกันทำลายต้นยางพาราของผู้เสียหายจนได้รับความเสียหายดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ดังที่โจทก์ฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยกล่าวในคำแก้ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้เสียหายเพียงแต่มอบอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.9 ให้นายสมโภชน์ไปร้องทุกข์เฉพาะข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ข้อหาเดียวไม่ได้มอบอำนาจให้ไปร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุก ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ได้ จะต้องยกฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดนี้นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่าข้อหาความผิดฐานบุกรุกกับข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน และเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน การที่ได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วก็เท่ากับได้ร้องทุกข์ในข้อหาความผิดฐานบุกรุกด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ามีการสอบสวนในความผิดทั้งสองข้อหานี้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องทั้งสองข้อหาความผิดและศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานบุกรุกได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share