แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยรับกระบือจากโจทก์ 2 คราว และออกเช็คให้โจทก์ 2 ฉบับขณะออกเช็คบัญชีของจำเลยปิดแล้ว ดังนี้ เป็นการออกเช็คเพื่อชำระค่ากระบือที่โจทก์ขายขาดให้จำเลย ไม่เป็นการออกเช็คเพื่อประกันการชำระราคากระบือ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497หรือไม่ เห็นว่าจำเลยก็เบิกความรับว่าได้รับกระบือจากโจทก์ไว้ทั้ง 2 คราว เมื่อวันที่ 10 และ 15 พฤศจิกายน 2524 รวม 9 ตัวและได้ออกเช็คให้โจทก์ไว้เป็นประกัน 2 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ขณะออกเช็คดังกล่าวบัญชีของจำเลยปิดแล้ว และเบิกความว่ากระบือ 9 ตัวที่จำเลยรับฝากไว้นั้น4 ตัวแรกโจทก์ทั้งสองฝากขายในราคา 33,000 บาทตามจำนวนเงินในเช็ค5 ตัวหลังในราคา 31,000 บาทตามจำนวนเงินในเช็ค ถ้าขายแล้วได้ราคาต่ำจำเลยจะต้องรับผิดในราคาที่ยังขาดถ้าขายได้ราคาสูงก็จะเป็นกำไรของจำเลยโจทก์ทั้งสองจะต้องจ่ายค่าขนส่งให้จำเลยอีกตัวละ 400 บาท ซึ่งยังไม่ได้หักกับราคาในเช็ค ทั้งยังเบิกความว่าเคยซื้อกระบือจากโจทก์ที่ 2 ไปขายเอากำไรต่อที่กรุงเทพมหานคร บางครั้งโจทก์ที่ 2 ก็เคยฝากกระบือจำเลยไปขายที่กรุงเทพมหานครการชำระค่ากระบือให้โจทก์ที่ 2 บางทีก็ชำระเป็นเงินสด บางทีก็ออกเช็คให้โจทก์ที่ 2 ไว้เป็นประกัน บัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยก็เพิ่งปิดไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2524 ก่อนเกิดเหตุคดีนี้เพียง 13 วัน พิเคราะห์พฤติการณ์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยออกเช็คเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ให้โจทก์ทั้งสองนั้นก็เป็นการชำระค่ากระบือที่โจทก์ขายขาดให้จำเลยนั่นเองเพราะอย่างไรก็ต้องชำระค่าภาษีค่ากระบือให้โจทก์ตามเช็คฉบับแรก33,000 บาท ตามเช็คฉบับหลัง 31,000 บาท รวม 64,000 บาท ที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระค่ากระบือให้โจทก์ทั้งสองไป 2 ครั้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2524 เป็นเงิน 20,000 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2524 เป็นเงิน 7,500 บาท รวม 27,500 บาท หากเป็นความจริง จำเลยก็น่าจะให้โจทก์ทั้งสองออกใบรับหรือทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานแต่ก็ไม่ได้ทำเป็นการผิดวิสัย จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยออกเช็คเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ให้โจทก์ทั้งสองเพื่อเป็นประกันการชำระค่ากระบือ แต่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระค่ากระบือโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น จำเลยจึงต้องมีความผิดดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่จำเลยฎีกาอ้างว่ากระบือรายนี้โตเต็มที่และใช้งานได้แล้วเป็นสัตว์พาหนะตามกฎหมาย เมื่อไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามกฎหมาย การซื้อขายจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้มาจากการซื้อขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่อาจนำคดีมาฟ้องได้นั้น เห็นว่า จำเลยเอากระบือของโจทก์ทั้งสองขายต่อไปจนหมดสิ้นแล้ว จำเลยจะมาอ้างว่าการซื้อขายระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นโมฆะหาได้ไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน