คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054-5055/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แหวนและหัวแหวนของกลางมีลักษณะเป็นแหวนพลอยเหมือนกับแหวนธรรมดาทั่วไป และเมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยโจทก์ร่วม ปรากฏว่าหัวแหวนได้หลุดออกจากตัวแหวนทันที แสดงว่าแหวนและหัวแหวนของกลางไม่มีลักษณะพิเศษที่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อประสงค์ใช้ในการชกต่อยใบหน้าโจทก์ร่วม เพื่อให้เกิดบาดแผลอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น แต่เป็นเครื่องประดับที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงฟังไม่ได้ว่าแหวนและหัวแหวนของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ทั้งสองสำนวนว่า โจทก์ เรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในสำนวนแรกว่าจำเลยที่ 1ที่ 2 และให้เรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามลำดับ

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเพรา นิวาตวงศ์ผู้เสียหาย โดยใช้มือที่สวมแหวนซึ่งเป็นโลหะพร้อมหัวแหวน 1 วง เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ในการชกที่บริเวณใบหน้าของผู้เสียหายอย่างแรงหลายครั้งเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฟกช้ำที่สันจมูก กระดูกสันจมูกแตกแผลฉีกขาดหนังถลอก หางคิ้วขวาขนาด 1.5×1.2 เซนติเมตร บาดแผลถลอกเป็นแนวบริเวณขมับขวาขนาด 2.5 เซนติเมตรและ 2 เซนติเมตร จอรับภาพตาขวาช้ำการมองเห็นลดลง ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้ในวันเกิดเหตุและยึดได้แหวนโลหะ 1 วง พร้อมด้วยหัวแหวน 1 เม็ด ที่จำเลยใช้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำความผิดโดยใช้สวมนิ้วมือแล้วชกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 297, 298 และริบแหวนของกลาง

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นายเพรา นิวาตวงศ์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) ประกอบมาตรา 298 ให้ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) ประกอบ มาตรา 298, 86 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและนำสืบในชั้นศาลบางส่วนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี ริบของกลางคำขอนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายให้จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน และนำสืบในชั้นศาลว่าเป็นผู้กระทำความผิดเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไม่ริบแหวนและหัวแหวนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า แหวนและหัวแหวนของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) หรือไม่ เห็นว่า แหวนและหัวแหวนของกลางตามภาพถ่ายท้ายเอกสารหมาย จ.25 มีลักษณะเป็นแหวนหัวพลอยเหมือนกับแหวนธรรมดาทั่วไป และเมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยโจทก์ร่วม ปรากฏว่าหัวแหวนได้หลุดออกจากตัวแหวนทันที แสดงให้เห็นว่าแหวนและหัวแหวนของกลางไม่มีลักษณะพิเศษที่ได้จัดทำขึ้นมาเพื่อประสงค์ใช้ในการชกต่อยใบหน้าโจทก์ร่วมเพื่อให้เกิดบาดแผลอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นแต่เป็นเครื่องประดับที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าแหวนและหัวแหวนของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกันที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ไม่ริบแหวนและหัวแหวนของกลางนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share