แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยทราบจำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วศาลชั้นต้นต้องออกคำบังคับให้จำเลยทราบเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามจึงจะมีการออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276วรรคแรก ต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 400,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่1 ธันวาคม 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องมิให้เกินกว่า 75,000 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและส่งคำบังคับให้จำเลยทราบโดยวิธีปิดคำบังคับจำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาเสร็จแล้วส่งมาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟัง ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 23 กรกฎาคม 2533เวลา 13.30 นาฬิกา ถึงวันนัดไม่มีคู่ความมาศาล ศาลชั้นต้นจึงให้งดการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 24 สิงหาคม 2533โจทก์ยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีวันที่ 21 พฤศจิกายน 2533 จำเลยยื่นคำร้องว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีโดยมิได้มีการออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก่อน เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายบังคับคดี และให้เพิกถอนหนังสืออายัดเงินของจำเลยไปยังกรมบังคับคดี วันที่ 26 ธันวาคม 2533 โจทก์แถลงว่าศาลได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2530 และส่งคำบังคับให้จำเลยโดยชอบแล้วขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้เพิกถอนหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้เพิกถอนหมายบังคับคดี
ครั้นวันที่ 27 ธันวาคม 2533 โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่า ให้โจทก์ยื่นคำขอออกบังคับเสียก่อนและวันที่ 7 มกราคม 2534 โจทก์ยื่นคำแถลงว่า โจทก์ได้ยื่นคำขอให้ศาลออกคำบังคับ ศาลได้ออกคำบังคับและส่งให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว โจทก์จึงไม่ต้องขอให้ศาลออกคำบังคับใหม่อีกศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยกคำแถลง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าการที่โจทก์จะบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะต้องมีการออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบก่อนหรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า”ถ้าศาลได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีก็ให้ศาลมีคำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับนั้นไว้”มาตรา 276 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ถ้าศาลเห็นว่าคำบังคับที่ขอให้บังคับนั้นได้ส่งให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญแล้ว และระยะเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้เพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว และคำขอนั้นมีข้อความระบุไว้ครบถ้วน ให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้ทันที” เห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวหากจะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล จะต้องมีการออกคำบังคับเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อน หากจำเลยยอมปฏิบัติตามคำบังคับก็ไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดี แต่หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติ จึงจะมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ขอออกคำบังคับและส่งให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วไม่ปรากฏว่าได้มีการออกคำบังคับเพื่อแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่อย่างใดเมื่อยังมิได้ออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน ย่อมจะออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้บังคับคดีแก่จำเลยโดยยังมิได้ออกบังคับแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อนนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อนแล้วดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามรูปคดี