คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม โดยอ้างว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และการสอบสวนฟังว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริตซึ่งความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายข้อบังคับฯ เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ ประเด็นที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่เสียก่อน ซึ่งข้อนี้โจทก์มีภาระหน้าที่นำสืบตามที่กล่าวอ้าง ลำพังแต่ คำฟ้อง คำให้การ คำแถลงรับของคู่ความและพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งต่อศาล ข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่แต่ได้ความว่าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดถึงชั้นทุจริตต่อหน้าที่อันจะไล่ออกจากงานได้ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริต่อหน้าที่ตามข้อบังคับฯ ฉะนั้น ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกเอกสารคำให้การของ ธ.ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนแต่ผู้เดียวมาวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้กระทำผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง ทั้งๆ ที่ไม่มีการสืบพยานหักล้างข้อเท็จจริงผลการสอบสวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีหน้าที่นำสืบแถลงไม่สืบพยาน เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ตำแหน่งเสมียนพนักงานฝ่ายการเดินรถฯ แล้วจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่า ในการปฏิบัติหน้าที่โจทก์ได้เรียกเก็บเงินจากผู้โดยสารที่มาขอซื้อตั๋วโดยสารพร้อมทั้งค่าธรรมเนียม ๗๐ บาท แต่ออกตั๋วให้ผู้โดยสารเพียง ๕๐ บาท เป็นเหตุให้ผู้โดยสารเสียค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก ๕๗ บาท การสอบสวนส่งว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริต ความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยให้อัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม หากไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ก็ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ๖ เดือน
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นชอบด้วยข้อบังคับคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง โจทก์ไม่มีสิทธิกลับเข้าทำงานตามเดิมและไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
ในวันพิจารณา คู่ความแถลงรับกันถึง ตำแหน่ง เงินเดือนของโจทก์และคำสั่งจำเลยที่ให้โจทก์ออกจากงาน และคู่ความส่งเอกสารเป็นพยานต่อศาล แล้วทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ธ.ผู้โดยสารรถไฟได้ร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ผู้ทำหน้าที่ขายตั๋วที่สถานีรถไฟว่า ได้เรียกเก็บเงินที่ขอซื้อตั๋วโดยสารรวมค่าธรรมเนียมเป็นเงิน ๗๐ บาท แต่โจทก์มอบตั๋วโดยสารรวมค่าธรรมเนียมซึ่งมีราคาเพียง ๕๐ บาทให้ เป็นเหตุให้ ธ.ต้องเสียค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก ๕๗ บาท จำเลยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์ทางวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่แล้วสั่งให้ลงโทษโจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในการทุจริตต่อหน้าที่ คำให้การของ ธ.ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนไม่น่าเชื่อว่าเป็นความจริง เพราะขัดต่อเหตุผลและมีแต่คำให้การของ ธ.ผู้เดียว ฟังว่าโจทก์เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีมลทินมัวหมอง การที่จำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากงานเป็นการเลิกจ้างที่ไม่ชอบและไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ โจทก์จำเลยยังอาจทำงานร่วมกันต่อไปได้พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างซึ่งเป็นอัตราที่ได้รับในขณะเลิกจ้าง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม โดยอ้างว่าที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่าในการปฏิบัติหน้าที่ โจทก์ได้เรียกเก็บเงินจากผู้โดยสารที่มาขอซื้อตั๋วโดยสารพร้อมทั้งค่าธรรมเนียม ๗๐ บาท แต่ออกตั๋วให้ผู้โดยสารเพียง ๕๐ บาท เป็นเหตุให้ผู้โดยสารต้องเสียค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก ๕๗ บาท และการสอบสวนฟังว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริต ซึ่งความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยให้โจทก์ออกจากงานนั้นชอบด้วยข้อบังคับคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ ประเด็นข้อที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่นั้นเสียก่อน ซึ่งข้อนี้โจทก์มีภาระหน้าที่นำสืบตามที่กล่าวอ้างลำพังแต่คำฟ้อง คำให้การ คำแถลงรับของคู่ความและพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งศาล ข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ นอกจากนี้ตามพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งศาลได้ความว่า กรณีที่โจทก์ถูกสอบสวนนั้น คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดถึงชั้นทุจริตต่อหน้าที่อันจะไล่ออกจากงานได้ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ตามข้อบังคับคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉะนั้น ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกเฉพาะคำให้การของ ธ.ผู้โดยสาร ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยแต่ผู้เดียวมาวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้กระทำผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง ทั้งๆ ที่ไม่มีการสืบพยานหักล้างข้อเท็จจริงผลของการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีหน้าที่นำสืบดังกล่าวแล้ว แต่โจทก์แถลงไม่สืบพยานเช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share