แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในสัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ที่ว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดหรือผิดสัญญาและต้องชำระเงินใด ๆ ให้แก่เจ้าของผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันผิดนัดนั้นเงินที่ผิดนัดค้างชำระ หมายถึงหนี้เงินที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา แต่ค่าเสียหายในกรณีที่จำเลยชำระหนี้ไม่ตรงตามเวลาไม่ใช่หนี้เงินตามที่สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ระบุไว้จึงบังคับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในค่าเสียหายดังกล่าวไม่ได้คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จำนวน 1 คัน จากโจทก์ในราคาเช่าซื้อ3,560,748 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม หลังจากเช่าซื้อรถยนต์ไปแล้วจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 5 สัญญาจึงเลิกกันทันทีตามข้อสัญญาต่อมาโจทก์ติดตามรถยนต์คืนมาได้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามจำนวน 5,000 บาท รถยนต์อยู่ในสภาพเสียหายจะขายได้ไม่เกิน2,000,000 บาท เมื่อหักจากค่าเช่าซื้อที่คงเหลือแล้ว โจทก์ขอคิดค่าเสียหายส่วนนี้เพียง 940,000 บาท และโจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการนำรถยนต์ออกให้เช่าได้เดือนละ 62,060 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เป็นเงิน 186,180 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,131,180 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อทำให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน จึงไม่มีค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน263,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่14 มีนาคม 2538 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 325,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 มีนาคม 2538 อันเป็นวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยข้อสุดท้ายมีว่าโจทก์ควรได้รับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงกันไว้ในสัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดหรือผิดสัญญาและต้องชำระเงินใด ๆ ให้แก่เจ้าของผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันผิดนัดจึงขอให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้โจทก์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา เห็นว่าเงินที่ผิดนัดค้างชำระตามที่กล่าวถึง หมายถึงหนี้เงินที่จำเลยที่ 1ต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา แต่ค่าเสียหายในกรณีที่จำเลยที่ 1ชำระหนี้ไม่ตรงตามเวลาไม่ใช่หนี้เงินตามที่สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ระบุไว้จึงบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในค่าเสียหายดังกล่าวดังที่โจทก์ฎีกาไม่ได้ คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน475,000 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์