คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2417/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดา ซึ่งผู้มอบมอบหมายให้บุคคลอีกคนหนึ่งมีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนผู้มอบเท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิอย่างใด จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันลักหนังสือมอบอำนาจซึ่งโจทก์ลงชื่อไว้โดยยังมิได้กรอกข้อความไป และร่วมกับพวกกรอกข้อความในหนังสือดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ แล้วนำใบมอบอำนาจปลอมยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเจ้าพนักงานหลงเชื่อว่าเป็นใบมอบอำนาจแท้จริง จึงทำสัญญาและจดทะเบียนให้ที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งสองแก่จำเลยที่ 1 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 334, 83 และเพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินตามโฉนดใส่ชื่อโจทก์ทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ดังเดิม หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือคำพิพากษาแสดงเจตนาแทน

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา และไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องคดีส่วนอาญาและรับฟ้องคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนยกที่พิพาท ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวตลอดมา ให้แก่จำเลยที่ 1 ตามความจริง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 268กระทงเดียว ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 เดือนให้เพิกถอนหนังสือสัญญาและการจดทะเบียนให้ที่ดินเฉพาะส่วน ให้จำเลยที่ 1 จัดการขอแก้ทะเบียนโฉนดให้โจทก์ทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ดังเดิม ถ้าไม่จัดการ ให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาแทน เฉพาะข้อหาลักทรัพย์ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจแล้วนำไปใช้อ้างต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนแก้โฉนดจริงแต่เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษมาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265นั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะหนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดา ซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้มอบ มอบหมายให้บุคคลอีกคนหนึ่งมีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนผู้มอบเท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิอย่างใด ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามความแห่งกฎหมาย สมควรปรับบทลงโทษจำเลยเสียใหม่ให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 กระทงเดียว โดยให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 3 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาทเนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และเป็นเรื่องระหว่างพี่น้องกันเอง เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปี นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา1,000 บาท แทนโจทก์ทั้งสอง

Share