แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาจะต่อสู้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ทิ้งมีดและหยิบไม้ตีผู้ตายหนึ่งครั้งแล้วไม้ที่ถือก็ร่วงไปและเกิดกอดปล้ำกันขึ้น ขณะที่จำเลยที่ 2 กำลังกอดปล้ำกับผู้ตายผู้ตายจิกผมของจำเลยที่ 2 กดลงต่ำ จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงผู้ตายไปในขณะนั้นไม่มีโอกาสเลือกแทงได้ โดยถนัด บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย ยังไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 คงมีความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
เมื่อมีผู้ห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะกันจำเลยที่ 1 พูดให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะและต่อสู้กัน เมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดออกมาจากบ้านจำเลยที่ 1 ก็เดินตามหลังมาติดๆ เป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จะต่อสู้กับผู้ตายเมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาและจำเลยที่ 2 ทิ้งมีด จำเลย จำเลยที่ 1 ก็บอกให้จำเลยที่ 2 เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จะเข้าต่อสู้กัน พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ใช้ไม้ท่อนตีที่ศีรษะและใช้มีดปลายแหลมแทงนางพัชรินทร์ถูกบริเวณราวนมด้านซ้ายทะลุกล้ามเนื้อหัวใจ โดยเจตนาฆ่า นางพัชรินทร์ได้ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ขณะกระทำความผิด และจำเลยที่ 1 ได้ทำร้ายนางนิดด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 86, 295, 91
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับว่าได้ทำร้ายผู้ตายโดยไม่เจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ส่วนจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 86
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมาย โดยฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2ทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 2 ถือมีดปอกผลไม้ใบมีดยาว 5 นิ้วออกมาร้องท้าทายให้ผู้ตายมาต่อสู้กัน เมื่อผู้ตายถือไม้ออกมาจะต่อสู้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ก็ได้ทิ้งมีดและหยิบไม้ที่กองไม้ถือไม้ทั้งสองมือตีผู้ตาย 1 ครั้ง แล้วไม้ที่จำเลยที่ 2ถือก็ร่วงไปและเกิดกอดปล้ำกันนั้น แสดงว่าจำเลยที่ 2 หาได้เจตนาที่จะใช้มีดเล่มนั้นแทงผู้ตายทันทีที่เข้าต่อสู้กันไม่ คงประสงค์เพียงทำร้ายร่างกายของผู้ตายโดยใช้ไม้ตีเท่านั้น ระหว่างที่จำเลยที่ 2 กอดปล้ำกับผู้ตายอยู่ก็ได้ความว่าผู้ตายจิกผมของจำเลยที่ 2 กดลงต่ำ ศีรษะของผู้ตายอยู่สูงกว่าศีรษะของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดปอกผลไม้แทงผู้ตายไปในขณะนั้น จำเลยที่ 2 ไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้โดยถนัด บังเอิญไปถูกอวัยวะสำคัญของผู้ตายเข้า ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย จึงไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาเท่านั้น
สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อนางแพห้ามมิให้จำเลยที่ 2 กับผู้ตายทะเลาะกันจำเลยที่ 1 เป็นผู้พูดให้คนทั้งสองทะเลาะและต่อสู้กัน และเมื่อจำเลยที่ 2 ถือมีดปอกผลไม้ออกมาจากบ้านนางจุก จำเลยที่ 1 ก็เดินตามหลังจำเลยที่ 2 มาติด ๆ กันเป็นการสมทบกำลังและให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 จะต่อสู้กับผู้ตายตอนผู้ตายถือไม้ออกจากบ้านเพื่อจะต่อสู้กับจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ทิ้งมีดจำเลยที่ 1 ก็ยังบอกให้จำเลยที่ 2 เก็บมีดไว้กับตัว เป็นการช่วยเหลือแนะนำถึงวิธีต่อสู้ก่อนที่จำเลยที่ 2 จะเข้าต่อสู้กับผู้ตายพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 2
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 และจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบด้วยมาตรา 86