แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาทผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) และเป็นกรณีที่ต้องมีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาอย่างน้อยสองนาย ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22,23 เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องจากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำยึดที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 176 และเลขที่ 193 เพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่าผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อที่ดินดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ตกลงจะแบ่งแยกที่ดินเป็นส่วนสัดให้ผู้ร้องในเมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปหมดสิ้น ตั้งแต่เริ่มซื้อที่ดินจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยอมให้ผู้ร้องเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าวตลอดมาจนถึงวันยื่นคำร้องขอขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องถือสิทธิครอบครอง
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) จึงไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) ทั้งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาท จะต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองนายจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22, 23 กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา จำต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อน
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ