แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ที่จำเลยฎีกาว่า ตัวแทนของโจทก์ได้ไปถอนคำร้องทุกข์เท่ากับสละสิทธิที่จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ถือว่าไม่มีการร้องทุกข์ และโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 3 เดือนนับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีจึงขาดอายุความนั้นเป็นฎีกาในปัญหาที่ว่าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้วหรือไม่ หรือถอนเมื่อใด จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้รับโอนลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มา จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีได้ ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามฎีกาด้วยเช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 27, 44 จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาขึ้นมาสองประการ ประการแรกฎีกาว่า ได้ความจากร้อยตำรวจโทมะลิด รามวงศ์พนักงานสอบสวนว่า ระหว่างสอบสวน นายทวีศักดิ์ตัวแทนของโจทก์ได้ไปถอนคำร้องทุกข์เนื่องจากประสงค์จะฟ้องคดีเอง จึงเท่ากับสละสิทธิที่จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนต่อไป ถือว่าไม่มีการร้องทุกข์ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีจึงขาดอายุความ เห็นว่าปัญหาว่าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้วหรือไม่ หรือถอนเมื่อใด เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้าม สำหรับฎีกาของจำเลยอีกข้อหนึ่งที่ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการโอนลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ระหว่างบริษัทหล่อเหวยจำกัด กับบริษัทอัลฟาฟิล์ม จำกัด มาแสดง เมื่อโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทหล่อเหวย จำกัด ได้โอนลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ที่พิพาทให้บริษัทอัลฟาฟิล์ม จำกัด แล้ว การโอนลิขสิทธิ์ภาพยนตร์พิพาทระหว่างบริษัทอัลฟาฟิล์ม จำกัด กับบริษัทโกลเด้นทาวน์ฟิล์ม จำกัด และระหว่างบริษัทโกลเด้นทาวน์ฟิล์มจำกัด กับโจทก์จึงเป็นการโอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีได้นั้น ก็เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้รับโอนลิขสิทธิ์มาจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกเช่นเดียวกัน ฎีกาของจำเลยทั้งสองประการจึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย