คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแจ้งความต่อหนักงานสอบสวนเรื่องจำเลยออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คว่า ผู้แจ้งเกรงว่าเช็คฉบับดังกล่าวจะขาดอายุความจึงมาแจ้งให้เจ้าพนกังานตำรวจทราบเพื่อกันเช็คขาดอายุความ ผู้แจ้งยังไม่ประสงค์จะร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างได โดยผู้แจ้งจะไปติดต่อด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งก่อน หากไม่ได้ผลจะมาร้องทุกข์อีกครั้งในภายหลัง ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทให้แก่ผู้มีชื่อเป็นการชำระหนี้ ต่อมาผู้นั้นได้นำเช็คมาขอแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่า “บัญชีปิดแล้ว” ทั้งนี้เพราะจำเลยได้ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า การแจ้งความของโจทก์เป็นแต่เพียงแจ้งให้เจ้าพนักงานรับทราบเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่า ๓ เดือน นับจากวันกระทำความผิด และรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามเอกสาร จ.๓ ตีความได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒(๗) แล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความในเอกสารที่โจทก์นำสืบหมาย จ.๓ ตอนที่เป็นประเด็นโต้แย้งมีดังนี้ “ฯลฯ ธนาคารได้คืนเช็คฉบับดังกล่าวพร้อมเอกสารการคืนเช็คแจ้งปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่า “บัญชีปิดแล้ว” เป็นเหตุให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหายรับเงินจากเช็คไม่ได้ ผู้แจ้งได้ติดต่อทวงถามเงินจากนายบุญอ๋อยฯ และนายประหยัดแล้วหลายครั้งแต่ก็ได้รับการผัดผ่อนตลอดมา ผู้แจ้งเกรงว่าเช็คฉบับดังกล่าวจะขาดอายุความทางคดี จึงมาแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบ เพื่อกันเช็คขาดอายุความ ทั้งนี้ผู้แจ้งยังไม่ประสงค์จะร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ผู้แจ้งจะไดติดต่อด้วยตนเองอีกครั่งหนึ่งก่อน หากไม่ได้ผลจะมาร้องทุกข์อีกครั้งในภายหลัง ฯลฯ” เห็นว่าข้อความในเอกสารดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า การที่โจทก์มาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็เพียงแต่เพื่อป้องกันคดีขาดอายุความอย่างเดียว ดังจะเห็นได้จากข้อความที่เน้นต่อไปว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน ต่อเมื่อโจทก์ไปติดต่อจำเลยอีกครั้งไม่ได้ผล จึงจะมาร้องทุกข์อีกครั้งในภายหลัง ซึ่งก็หมายความว่าเมื่อไม่ได้ผลในการทวงถาม โจทก์จึงจะมาร้องทุกข์นั้นเอง จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์มาแจ้งต่อพนักงานสอบสวน ในลักษณะของการกล่าวหาโดยมีเจตนาที่จะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ ไม่ตรงกับคำจัดความของคำว่า “คำร้องทุกข์” ตามที่ได้มีอธิบายไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒(๗) ลำพังแต่การแจ้งความที่มีเจตนาเพียงเพื่อป้องกันคดีขาดอายุความเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย ฎีกาที่ ๑๘๖/๒๕๐๓, ที่ ๒๖๓/๒๕๐๔ และที่ ๑๓๖๑/๒๕๑๗ ที่โจทก์อ้างแตกต่างไปเหมือนข้อเท็จจริงในคดีนี้ตรงที่ว่า คดีนี้โจทก์ระบุไว้ชัดว่าโจทก์ยังไม่ประสงค์ที่จะต้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน จึงไม่มีทางที่จะแปลเจตนาให้ขัดต่อถ้อยคำที่ชัดเจนเช่นนี้ได้
พิพากษายืน
(ชลอ จามรมาน เฉลิม กรพุกกระณะ พิสัณห์ ลีตเวทย์)

Share