คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่หรือกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับคดีไปตามฟ้องแย้ง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นบางข้อ และพิพากษาใหม่ทุกประเด็น เป็นการสมประโยชน์ตามคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์แล้ว จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์.โดยไม่ต้องสืบพยานอีกไม่ได้ เพราะเป็นคำขอที่ขัดกันกับคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของจำเลยแล้ว
ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ว่า ยังไม่จำต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์นั้น หากจำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบประการใด เป็นฎีกาที่จำเลยไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เดิมหม่อมราชวงศ์ลดา ยุคล เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 6343 ตรงที่ตั้งตึกแถวเลขที่ 696 และที่ดินโฉนดที่ 6344 ตรงที่ตั้งตึกแถวเลขที่ 690 จำเลยสำนวนแรกเช่าที่ดินโฉนดที่ 6343 และตึกแถวเลขที่ 696 จำเลยสำนวนหลังเช่าที่ดินโฉนดที่ 6344 กับตึกแถวเลขที่ 690 หม่อมราชวงศ์ลดายกที่ดินและตึกที่กล่าวให้นายธีระ อูนากูล สัญญาเช่าที่ดินและตึกแถวสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกแถวจากนายธีระแล้วได้มอบให้นายไชยวุฒิมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินและตึกแถวที่เช่า จำเลยไม่ยอมรับหนังสือ และอยู่ต่อมาโดยละเมิดขอให้พิพากษาบังคับจำเลยและบริวารให้รื้อถอน ขนย้าย ออกไป กับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและฟ้องแย้งว่า หม่อมราชวงศ์ลดาตกลงให้จำเลยสร้างตึกแถวในที่ดินตามฟ้องโจทก์จำเลยเสียค่าหน้าดินให้หม่อมราชวงศ์ลดารายละ 30,000 บาท จำเลยสำนวนหลังเสียค่าก่อสร้างตึกแถวอีก 50,000 บาทด้วย มีกำหนดเวลาเช่า 12 ปี เมื่อครบ 12 ปีแล้วจำเลยจึงจะยกตึกแถวพิพาทให้หม่อมราชวงศ์ลดา นายธีระและโจทก์ทราบข้อตกลงนี้ นายธีระไม่มีสิทธิเอาตึกแถวไปขายให้โจทก์ ถ้าที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์จะต้องให้จำเลยเช่าจนกว่าจะครบ 12 ปี ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องและพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์เกี่ยวข้องกับตึกแถวพิพาท ให้โจทก์ต่อสัญญาเช่าที่ดินและตึกแถวพิพาทให้จำเลยคราวละ 3 ปี

ศาลชั้นต้นสั่งตีราคาตึกแถวพิพาทและให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลสำหรับตึกแถว แต่จำเลยไม่ยอมเสีย ศาลชั้นต้นให้รับคำให้การจำเลยและฟ้องแย้งเฉพาะที่ขอให้โจทก์ต่อสัญญาเช่า

โจทก์ทั้งสองสำนวนให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งเคลือบคลุมตึกแถวพิพาทสร้างก่อนหม่อมราชวงศ์ลดาทำสัญญาเช่ากับจำเลย จำเลยไม่ได้เสียค่าหน้าดินและค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาท สัญญาเช่าระหว่างหม่อมราชวงศ์ลดากับจำเลยสิ้นกำหนดเวลาแล้ว ตึกแถวพิพาทและอุปกรณ์ตกเป็นของหม่อมราชวงศ์ลดาแล้ว จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริต ไม่มีสิทธิขอให้บังคับโจทก์ต่อสัญญาเช่า

ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า 1. มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างหม่อมราชวงศ์ลดากับจำเลยหรือไม่ 2. สิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว หรือไม่3. นายธีระกับโจทก์สมยอมกันโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยไม่สุจริตหรือไม่ และ 4. ค่าเสียหายของโจทก์เพียงใด แล้วสั่งให้จำเลยทั้งสองสำนวนสืบพยานในประเด็น ข้อ 1 ถึงข้อ 3 และให้โจทก์สืบในประเด็นข้อ 4

ศาลชั้นต้นให้คู่ความดูเอกสารและสอบถามคู่ความแล้วสั่งงดสืบพยานตามประเด็นข้อ 1 ถึงข้อ 3 โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานตามประเด็นข้อ 4 ศาลชั้นต้นจึงนัดฟังคำพิพากษา และพิพากษาให้จำเลยกับบริวารขนย้ายออกไป ให้ส่งมอบที่ดินและตึกแถวพิพาทคืนให้โจทก์ ห้ามมิให้เกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 70 บาท ที่โจทก์ขอรื้อถอน ขนย้ายเอง เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีและไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดจะต้องรื้อถอน ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองสำนวน

จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์ว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานนั้นไม่ชอบ เพราะมีข้อโต้เถียงที่โจทก์จำเลยยังไม่รับกันอีกหลายข้อจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านไว้แล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเสียค่าทนายแทนโจทก์ ทั้งในคดีเดิมและคดีฟ้องแย้งไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ หรือให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับตามฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีทุกประเด็น

จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกาว่า ตึกแถวพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยไม่ยินยอมให้นายธีระเอาไปขายให้โจทก์ และโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยโจทก์ไม่สืบพยานเรื่องอำนาจของนายไชยวุฒิและเรื่องค่าเสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่ต้องสืบพยาน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ว่าคดีมีข้อโต้เถียงที่โจทก์จำเลยยังไม่รับกันอีกหลายข้อ และมีปัญหาอื่น ๆ ด้วย ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน ไม่ชอบ จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แล้ว ขอให้ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ หรือพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับคดีไปตามฟ้องแย้ง ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นบางข้อแล้วพิพากษาใหม่ทุกประเด็น ก็เป็นการสมประโยชน์ ตามคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์แล้ว จำเลยจะฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่ต้องสืบพยานไม่ได้ เพราะเป็นคำขอที่ขัดกันกับคำขอของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอของจำเลยแล้ว ส่วนปัญหาต่าง ๆ ที่จำเลยกล่าวมาในฎีกา เป็นปัญหาที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ว่ายังไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบประการใด ฉะนั้นฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้ไม่ได้

จึงให้ยกฎีกาจำเลย

Share