แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แจ้งต่อตำรวจบันทึกไว้ว่า จำเลยบุกรุกเข้ามาปักเสาหินล้อมเขตที่ดินของผู้เสียหาย เป็นการร้องทุกข์ในข้อหาบุกรุก ไม่ใช่ตัดลวดหนามทำให้เสียทรัพย์
ย่อยาว
ฟ้องว่าตัดรั้วลวดหนาม ทำให้ลวดหนามเสียหาย แล้วบุกรุกเข้าไปขุดหลุมสักเสาปูนซิเมนต์ในที่ดินของโจทก์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่าเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2521 โจทก์ที่ 2 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2521 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ถึง 21 นาฬิกาได้มีนางอนงค์ไม่ทราบนามสกุล ได้มาปักเสาหินล้อมเขตที่ดินของผู้แจ้ง ทำให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ต่อมาวันที่ 1 มีนาคม 2521 โจทก์ที่ 1 มาแจ้งความเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2521 ได้มีนางอนงค์ นางวันเพ็ญ นายสมบุญ และพวก รวม 6 คนได้บุกรุกเข้าไปปักเสาหินคอนกรีตภายในที่ครอบครอง จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้วลงชื่อโจทก์ที่ 2 ด้วย ในปัญหาที่ว่า คำแจ้งความของโจทก์ที่ 2 เป็นคำร้องทุกข์ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำแจ้งความของโจทก์ที่ 2 ทั้งสองคราวเป็นการแจ้งความเกี่ยวกับความผิดฐานบุกรุกเท่านั้น ไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่านางอนงค์ กับพวก(จำเลย) ได้ทำให้ทรัพย์สินสิ่งใดของโจทก์ที่ 2 เสียหาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ที่ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ที่โจทก์ที่ 2 ฎีกาว่า ข้อความว่า”ทำให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหาย” น่าจะหมายความรวมถึงการทำให้รั้วลวดหนามเสียหายด้วยนั้น เป็นการแปลความหมายเกินเลยไปจากข้อความที่โจทก์ที่ 2ได้แจ้งความไว้”
พิพากษายืน