แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดกระทำการโดยไม่ชอบ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและกระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน จนกระทั่งจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ทำให้โจทก์หมดสิทธิในการรับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ดังนี้ ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิในการรับราชการของโจทก์ แม้โจทก์คำนวณจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญก็มีสภาพเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิดนั่นเอง ต้องใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยรับราชการตำแหน่งราชพัสดุจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดกรมธนารักษ์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2ได้มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 เป็นกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัยโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำความผิดอย่างร้ายแรงซึ่งเป็นความเท็จจนในที่สุดจำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากราชการ ซึ่งเป็นการร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันใช้เงินค่าบำนาญ 123,046 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ และร่วมกันชำระเงินเป็นค่าบำนาญให้โจทก์เดือนละ 1,034 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะถึงแก่กรรมจำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ 1 ปีหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ปลดโจทก์ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายเงินบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ไม่ใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 นั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายพอสรุปความได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดกระทำการไม่ชอบ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและเป็นการกระทำขัดต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2518 จนกระทั่งจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มีคำสั่งให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ ทำให้โจทก์หมดสิทธิในการได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมาย เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ดังนี้ ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิในการรับราชการของโจทก์แม้โจทก์อ้างการคำนวณจำนวนเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ก็มีสภาพเป็นค่าเสียหายในมูลละเมิดนั่นเอง จึงต้องใช้อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน