คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสร้างสะพานลอยเพื่อให้ประชาชนใช้ข้ามถนน โดยมีแนวโครงเหล็กบนทางเท้าเป็นรั้วปิดกั้นช่วงทางบางตอน เพื่อมิให้คนข้ามถนนในแนวนั้นและหันไปใช้สะพานลอยข้าม อันเป็นการกระทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ และเป็นการป้องกันมิให้โจทก์กระทำผิดกฎหมายดยขับขี่รถยนต์บนทางเท้า แม้แนวโครงเหล็กจะปิดกั้นทางเข้าตึกแถวของโจทก์ ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์และโดยสภาพไม่เหมาะแก่การเก็บรถยนต์ ทำให้โจทก์ต้องขาดความสะดวกสบายไปบ้าง โจทก์ก็จำต้องยอมรับเอาดังเช่นบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกับโจทก์ในสังคมยอมรับ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความเจริญของท้องถิ่น เมื่อไม่ปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อยที่โจทก์ได้รับ เป็นผลที่ต้องยอมรับตามปกติหรือเป็นความเสียหายเดือดร้อนที่ได้รับเกินกว่าปกติ การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองตึกแถวเลขที่ ๖๗๙/๓๕ อยู่ติดถนนอิสระภาพ โจทก์ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเก็บรักษารถยนต์ต้องนำรถยนต์ผ่านทางเท้าเข้าออกทุกวัน จำเลยที่ ๑ ได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ ๓ ก่อสร้างสะพานลอยสำหรับคนข้ามและทำโครงเหล็กปิดบังตึกแถวของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๑ ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าออกในตึกแถวได้ดังที่เคยปฏิบัติ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในการก่อสร้างต้องร่วมรับผิดด้วย ขอพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนโครงเหล็กส่วนที่กีดขวางหน้าบ้านโจทก์และร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธินำรถยนต์ขึ้นบนทางเท้า โจทก์เรียกร้องสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต การสร้างสะพานลอยและโครงเหล็กเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ ๓ ก่อสร้างสะพานลอยและรั้วเหล็กตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาจ้างเหมา จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนโครงเหล็กที่ปิดกั้นหน้าตึกแถวของโจทก์ แต่คำขอเกี่ยวกับค่าเสียหายให้ยก
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทางเท้าหน้าตึกแถวโจทก์สำหรับประชาชนใช้ร่วมกันจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยที่ ๑ แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โครงเหล็กพิพาทที่โจทก์ฟ้องขอให้รื้อถอนสร้างขึ้นตามผังการก่อสร้างสะพานลอยเพื่อให้ประชาชนใช้ข้ามถนน โดยทำแนวโครงเหล็กเป็นรั้วปิดกั้นช่องทางบางตอนเพื่อไม่ให้คนข้ามถนนในแนวนั้นและหันไปใช้สะพานลอยข้าม โดยเฉพาะเด็กนักเรียนซึ่งอยู่บริเวณนั้น ๒ โรงเรียน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงเป็นการกระทำเพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของผู้ใด แนวโครงเหล็กดังกล่าวที่จำเลยสร้างบนทางเท้าอันเป็นทางสาธารณะนอกจากไม่ผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการป้องกันมิให้โจทก์กระทำผิดกฎหมายโดยขับขี่รถยนต์บนทางเท้า อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓(๗) ได้อีกด้วย จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ และไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นตามมาตรา ๔๒๑ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๓๓๗ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร ในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบ คดีนี้ไม่ปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนที่โจทก์ได้รับเป็นผลที่ต้องยอมรับตามปกติ หรือเป็นความเสียหายเดือดร้อนที่ได้รับเกินกว่าปกติเนื่องจากประเด็นแห่งคดีไม่มีไปถึง ไม่มีการสืบพยานให้ปรากฏชัด การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยจึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ เพราะไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๓๑/๒๕๒๓ ระหว่าง นางบุญยัง ชาวกัณหา โจทก์ กรุงเทพมหานคร กับพวก จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์อ้างถึง ข้อเท็จจริงก็แตกต่างกับคดีนี้มาก เพราะคดีนั้นนอกจากประเด็นแห่งคดีมีไปถึงแล้ว คู่ความนำสืบข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยสร้างสะพานลอยปิดกั้นทางเข้าบ้านโจทก์ ทั้งที่สามารถสร้างวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้ปิดกั้นให้โจทก์ต้องเสียหายได้ และนายช่างก่อสร้างของจำเลยเองได้ท้วงติงและชี้ช่องให้แก้ไขด้วยแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมปฏิบัติตาม เท่ากับโจทก์ต้องรับความเดือดร้อนหรือเสียหายเกินกว่าปกติที่ควรต้องรับ แต่สำหรับคดีนี้ตึกแถวของโจทก์มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ซึ่งโดยสภาพไม่เหมาะแก่การเก็บรถยนต์เช่นบ้านพักอาศัยดังคดีตามคำพิพากษาฎีกาที่กล่าวถึง จึงจะยกมาปรับแก่คดีนี้หาได้ไม่ เห็นว่า เมื่อทางราชการกระทำในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้องเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใดโจทก์ทั้งสองแม้จะต้องขาดความสะดวกสบายไปบ้างก็ตาม จำต้องยอมรับเอาดังเช่นบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกับโจทก์ในสังคมยอมรับ ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความเจริญแห่งท้องถิ่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนโครงเหล็กหรือรั้วเหล็กหน้าตึกแถวโจทก์ออกเสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฟังขึ้น และเนื่องจากคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงให้มีผลถึงจำเลยที่ ๓ ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share