คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2395/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็ค ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายชำระค่าสินค้าให้กับโจทก์ คดีโจทก์จะขาดอายุความหรือไม่จึงต้องดูบทบัญญัติในเรื่องเช็คที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิด จำเลยจะเอาอายุความในเรื่องซื้อขายซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาอ้างให้พ้นผิดหาได้ไม่ แม้โจทก์มาลงวันเดือนปีในเช็คพิพาทภายหลังที่การใช้สิทธเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายมูลหนี้เดิม ขาดอายุความแล้วก็ฟังไม่ได้ว่าโจทก์จดวันเดือนปีโดยไม่สุจริต เพราะการที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์ซึ่งมีมูลหนี้ต่อกัน มอบให้โจทก์ไว้โดยไม่ลงวันที่ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่เองได้ตามที่โจทก์เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คเอาจากจำเลยมาชำระหนี้ได้ตามบทบัญญัติในเรื่องเช็คซึ่งเป็นความสมัครใจของจำเลยเองที่ยอมรับผิดตามเช็คเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงตามสัญญาซื้อขายเดิม จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารแห่งกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาบางกระบือ เลขที่ พี.บี ๔๑๘๗๘๖ ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๐ จำนวนเงิน ๔๓,๓๓๔ บาท ให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้า เมื่อเช็คถึงกำหนดใช้เงิน โจทก์ได้นำไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าบัญชีปิดแล้ว โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อไป นับแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๐ ถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๔๕ วัน คิดเป็นเงิน ๔๐๖ บาท โจทก์ติดต่อทวงถามจากจำเลยหลายครั้ง แต่จำเลยก็เพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาและบังคับให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค และทั้งดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๔๓,๗๔๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อไป ในต้นเงิน ๔๓,๓๓๔ บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่จำเลยมอบให้แก่ยี่ห้อเซียมเฮงฮวดไว้เกี่ยวกับการซื้อขายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยมิได้กรอกวันเดือนปี โจทก์ได้กรอกวันเดือนปีแล้วนำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เช็คดังกล่าวจึงเป็นเช็คที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีโจทก์ขาดอายุความเกี่ยวกับการซื้อขาย
ในวัดนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน คู่ความแถลงรับกันว่า เช็คพิพาทนี้จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายชำระค่าสินค้าให้กับโจทก์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นเช็คที่ไม่ได้ลงวันเดือนปี โจทก์แถลงเพิ่มเติมว่า โจทก์เป็นผู้ลงวันเดือนปีในเช็คเองหลังจากได้บอกกล่าวทวงถามจำเลยแล้ว คู่ความท้าประเด็นอายุความข้อเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ โดยทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค ๔๓,๓๓๔ บาทและดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๒๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าเช็คพิพาทที่จำเลยออกให้โจทก์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยไม่ได้ลงวันเดือนปี โดยมีมูลหนี้เกิดจากการซื้อขายซึ่งจะต้องให้สิทธิเรียกร้องภายใน ๒ ปี นับจากวันที่โจทก์ส่งมอบสินค้าให้จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ (๑) แม้ตามมาตรา ๙๑๐ จะให้สิทธิแก่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายทำการโดยสุจริตจดวันเดือนปีตามที่ถูกต้องแท้จริงได้ โจทก์ก็ต้องจดวันเดือนปีที่โจทก์มีสิทธเรียกร้องตามมูลหนี้ที่โจทก์มีอยู่ตามกฎหมาย การที่โจทก์จดวันเดือนปีลงในเช็ครายพิพาทเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นระยะเวลาห่างกันถึง ๖ ปี จึงเป็นการจดวันเดือนปีเมื่อหนี้เดิมขาดอายุความแล้ว จึงเป็นการจดวันเดือนปีโดยไม่สุจริต และเป็นเป็นการจดวันที่ไม่ถูกต้องแท้จริงลงในเช็ค เมื่อโจทก์นำเช็คซึ่งมีมูลหนี้มาจากการซื้อขายเกินกว่า ๒ ปีมาฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาท การที่โจทก์แถลงรับว่าเช็คพิพาทจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายชำระค่าสินค้าให้กับโจทก์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ ก็เป็นการรับถึงที่มาแห่งมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ต่อกัน คดีโจทก์จะขาดอายุความหรือไม่จึงต้องดูบทบัญญัติในเรื่องเช็คที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิด จำเลยจะเอาอายุความในเรื่องซื้อขายซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามนั้นมาอ้างให้พ้นผิดหาได้ไม่ โจทก์จึงมาลงวันเดือนปีในเช็คพิพาทภายหลังที่การใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายมูลหนี้เดิมขาดอายุความแล้วได้ เพราะเป็นความรับผิดคนละเรื่องกันกับหนี้ตามสัญญาซื้อขายและการที่โจทก์มาลงวันเดือนปีในเช็คภายหลังที่หนี้เดิมขาดอายุความแล้วก็ฟังไม่ได้ว่าโจทก์จดวันเดือนปีโดยไม่สุจริต เพราะการที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์ซึ่งมีมูลหนี้ต่อกัน มอบให้โจทก์ไว้โดยไม่ได้ลงวันที่ ย่อมเป็นการแสดง ตามเช็คเอาจากจำเลยมาชำระหนี้ได้ตามบทบัญญัติในเรื่องเช็ค ซึ่งเป็นความสมัครใจของจำเลยเองที่ยอมรับผิดตามเช็คเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงตามสัญญาซื้อขายเดิม ส่วนที่จำเลยอ้างว่าถ้าโจทก์เก็บเช็คพิพาทไว้มีกำหนดถึง ๒๐ ปี แล้วนำมาลงวันเดือนปีลงในเช็คจำเลยก็ยังจะต้องรับผิดอีกหรือ เห็นว่าคดีนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริงถึงที่จะต้องวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนอยู่ในตัวว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ลงวันที่เองได้ตามที่โจทก์เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงิน

Share