คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกำหนดหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารงานส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลให้การดำเนินการต่าง ๆ ตามโครงการของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามที่จำเลยอนุมัติเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติราชการเท่านั้น การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามอนุมัติและมอบอำนาจให้หัวหน้าสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามทำสัญญาซื้อน้ำมันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เป็นการทำหน้าที่แทนจำเลยตามกฎหมาย จำเลยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต้องรับผิดชอบในการกระทำของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคาม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเป็นหนี้โจทก์จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ชำระหนี้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท จังหวัดมหาสารคามเป็นหน่วยงานหนึ่งของจำเลย เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2529 ถึงวันที่30 กันยายน 2529 สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท จังหวัดมหาสารคามได้ซื้อน้ำมันชนิดต่าง ๆ จากโจทก์หลายครั้ง รวมเป็นเงิน 830,854.62บาท แล้วผิดนัดไม่ชำระราคา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 830,854.62 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดสองเดือนของวันที่ที่ลงในบิลเงินเชื่อและใบส่งของแต่ละใบคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 57,454.57 บาท และดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันของต้นเงิน 830,854.62 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นชนิดต่าง ๆ จากโจทก์ จำเลยมิได้เป็นคู่สัญญาซื้อขายหรือมอบอำนาจให้สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท จังหวัดมหาสารคามหรือผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงแทนจำเลยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 830,854.62บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดสองเดือนของวันที่ที่ลงในบิลเงินเชื่อและใบส่งของแต่ละใบตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.23 จ.27 และ จ.31 ถึง จ.34ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน57,454.57 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาชนบททั่วประเทศ สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเป็นส่วนราชการของจำเลย งบประมาณต่าง ๆ ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคาม รวมทั้งโครงการต่าง ๆที่สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามจะกระทำต้องได้รับการอนุมัติจากจำเลย และจำเลยเป็นผู้จัดสรรงบประมาณมาให้ทั้งสิ้นการปฏิบัติราชการระหว่างจำเลยกับสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการกระทำต่าง ๆ ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามโดยตรง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ที่จำเลยฎีกาว่า เป็นกฎหมายมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในการดำเนินงานของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามนั้น เห็นว่าประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารงานส่วนจังหวัด การควบคุมดูแลสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลให้การดำเนินการต่าง ๆ ตามโครงการของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามที่จำเลยอนุมัติเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติราชการเท่านั้น การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามอนุมัติและมอบอำนาจให้หัวหน้าสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามสั่งซื้อน้ำมัน และผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามทำสัญญาซื้อน้ำมัน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุเป็นการทำหน้าที่แทนจำเลยตามกฎหมาย จำเลยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต้องรับผิดชอบในการกระทำของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทจังหวัดมหาสารคามเป็นหนี้โจทก์ จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ชำระหนี้แก่โจทก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share