คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากที่บริษัทโจทก์บอกเลิกสัญญาซื้อขายกับบริษัทจำเลยแล้ว บริษัทโจทก์ได้จัดซื้อเครื่องทำความชื้นจากผู้อื่นตามจำนวนและในราคาซึ่งถูกกว่าที่บริษัทโจทก์ตกลงซื้อจากบริษัทจำเลย จึงถือไม่ได้ว่าบริษัทโจทก์ได้รับความเสียหาย และไม่อาจจะเรียกเบี้ยปรับจากบริษัทจำเลยได้แม้ตามสัญญาจะตกลงกันไว้ว่า ถ้าบริษัทจำเลยผิดสัญญาจะยอมใช้ค่าเสียหายและยอมให้ปรับอีกด้วยก็ตาม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัทจำเลยชำระเงิน 39,552 บาทแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาสารสำคัญว่าเมื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาซื้อขาย บริษัทโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้บริษัทจำเลยที่ 1 จะเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายไม่ส่งเครื่องทำความชื้นจำนวน 8 เครื่องให้กับบริษัทโจทก์ตามข้อกำหนดในสัญญาเอกสารหมาย จ.2 ที่ทำกันไว้ก็ดี ข้อเท็จจริงก็รับฟังต่อไปได้ว่าบริษัทโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาฉบับดังกล่าวกับบริษัทจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.9 และเอกสารหมาย ล.5 ทั้งฟังได้ว่าหลังจากที่บริษัทโจทก์บอกเลิกสัญญาซื้อขายดังกล่าวกับบริษัทจำเลยที่ 1 แล้ว บริษัทโจทก์ได้จัดซื้อเครื่องทำความชื้นตามจำนวนดังกล่าวจากผู้อื่นในราคาเครื่องละ 14,200 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าราคาที่บริษัทโจทก์ตกลงซื้อจากบริษัทจำเลยที่ 1 เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเท่ากับว่าบริษัทโจทก์มิได้เสียหายและไม่อาจจะเรียกเบี้ยปรับจากบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ แม้ตามสัญญาจะตกลงกันไว้ว่าถ้าบริษัทจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจะยอมใช้ค่าเสียหายและยอมให้ปรับอีกด้วยก็ตาม เทียบได้กับคำพิพากษาฎีกาที่ 791/2513 ที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าบริษัทโจทก์เลือกการบอกเลิกสัญญากับบริษัทจำเลยที่ 1 แล้วจัดซื้อเครื่องทำความชื้นขึ้นใหม่จากผู้อื่นในราคาที่ต่ำกว่าที่บริษัทโจทก์ตกลงซื้อจากบริษัทจำเลยที่ 1บริษัทโจทก์จึงไม่เสียหายและไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าปรับจากบริษัทจำเลยที่ 1ตามสัญญาข้อ 9 จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว”

พิพากษายืน

Share