คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกที่ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้ร้องแต่ผู้เดียว มิได้อ้างว่าเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย หากพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างเป็นพินัยกรรมที่ผู้ร้องใช้กลฉ้อฉลให้ผู้ตายทำขึ้น ผู้ร้องอาจถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร และอาจเป็นเหตุให้ไม่สมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ตรงกันข้ามถ้าพินัยกรรมนั้นสมบูรณ์ ทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายย่อมตกได้แก่ผู้ร้องแต่ผู้เดียว ผู้คัดค้านย่อมไม่มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิคัดค้าน ปัญหาว่าพินัยกรรมตามคำร้องมีผลบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องวินิจฉัยประกอบประเด็นที่ว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดก

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นายสมศักดิ์ ไสยวงศ์ ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้ร้องแต่ผู้เดียว ผู้ร้องเป็นทายาทตามพินัยกรรมและมีคุณสมบัติไม่ต้องห้ามเป็นผู้จัดการมรดก ประสงค์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพื่อรับมรดกตามพินัยกรรมและแบ่งสินสมรสให้แก่ผู้คัดค้าน แต่มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดก ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย พินัยกรรมของผู้ตายเกิดขึ้นจากกลฉ้อฉลของผู้ร้อง ไม่มีผลใช้บังคับ ทรัพย์สินของผู้ตายเป็นทรัพย์มรดกไม่มีพินัยกรรม ผู้คัดค้านมีสิทธิแต่ผู้เดียว ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งนางวันเพ็ญ ไสยวงศ์ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายสมศักดิ์ ไสยวงศ์ ให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างเป็นทายาทโดยธรรม มีส่วนได้เสียในทรัพย์อันเป็นมรดกของผู้ตายด้วยกันสมควรที่จะตั้งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกัน ส่วนพินัยกรรมจะมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของคดีไม่รับวินิจฉัยให้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ตั้งนางสมพิศ มีมงคลผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสมศักดิ์ ไสยวงศ์ ผู้ตาย ร่วมกับผู้คัดค้าน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นทายาทโดยธรรมและพิพากษาตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันโดยมิได้วินิจฉัยเรื่องพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างมาว่ามีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่นั้นไม่ชอบ เพราะผู้ร้องอ้างสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดกในฐานะเป็นผู้รับพินัยกรรมเท่านั้น ผู้คัดค้านได้คัดค้านไว้แล้วว่าเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกที่ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องผู้เดียว มิได้อ้างว่าเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย หากพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างเป็นพินัยกรรมที่ผู้ร้องใช้กลฉ้อฉลให้ผู้ตายทำขึ้น ผู้ร้องอาจถูกกำจัดมิให้รับมรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๐๖(๔) และอาจเป็นเหตุให้ไม่สมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายตรงกันข้ามถ้าพินัยกรรมนั้นสมบูรณ์มีผลบังคับเรียกร้องกันได้ทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายย่อมตกได้แก่ผู้ร้องแต่ผู้เดียวตามพินัยกรรม ผู้คัดค้านย่อมไม่มีส่วนได้เสียและไม่มีสิทธิร้องคัดค้านฉะนั้นในปัญหาว่าพินัยกรรมตามคำร้องมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยประกอบประเด็นที่ว่าผู้ร้องหรือผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดก การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาผู้คัดค้านฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่งสำนวนคดีศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่.

Share