แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทเป็นการอยู่โดยโจทก์อนุญาตให้อยู่เป็นบุคคลสิทธิ มิใช่อยู่โดยมีสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เมื่อไม่กำหนดเวลาให้อาศัยไว้แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ในบ้านเมื่อใด จำเลยจะต้องออกจากบ้านพิพาทไปทันที โดยโจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทก่อนกำหนดเวลาที่แจ้งให้ออกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับบริวารได้มาขออาศัยอยู่ที่เรือนของโจทก์ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยกับบริวารอาศัยต่อไป ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าบ้านจากโจทก์โดยเสียเงินกินเปล่า 18,000 บาท เสียค่าเช่าเดือนละ 600 บาท หากโจทก์จะบอกเลิกการเช่าจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยทราบล่วงหน้า จึงจะมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาอาศัยเพื่ออำพรางสัญญาเช่าโจทก์ให้จำเลยมีสิทธิอยู่ในเรือนอีก 3 เดือน โจทก์ฟ้องก่อนกำหนดเวลาดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากบ้านพิพาทและห้ามเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทของโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทโดยให้อยู่ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2522 ตามเอกสารหมาย ล.1 แต่โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 1 มีนาคมก่อนถึงกำหนดเวลาที่โจทก์ตกลงยินยอมผ่อนผันแก่จำเลย การที่จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาท เป็นการอยู่โดยโจทก์อนุญาตให้อยู่เป็นบุคคลสิทธิ มิใช่อยู่โดยมีสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เมื่อไม่กำหนดเวลาให้อาศัยไว้และเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ในบ้านเมื่อใดจำเลยจะต้องออกจากบ้านพิพาทไปทันที โดยโจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทก่อนกำหนดเวลาที่ให้ไว้ตามเอกสารหมาย ล.1 ได้ พิพากษายืน