คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวเท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้วจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ส.ค.1 ของโจทก์และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้เนื่องจากที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นของมารดาจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ นายโพธิ์ ลิสอนและมารดาจำเลยต่างเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายสีจึงเป็นเจ้าของร่วมกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของมารดาพิพากษายกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนายสี
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 นายวิวัฒน์ลิสอน ผู้จัดการมรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ถึงแก่กรรมนายโพธิ์ ลิสอน ผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งของนายสี ลิสอนยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี และวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอายุความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องไม่ชอบเพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าว เท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องทั้งที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้ว จึงเป็นการไม่ชอบ
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น

Share