คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวเท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค3ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องทั้งที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้วจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 216 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาท นับแต่วันนัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ เนื่องจากที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นของมารดาจำเลย ทั้งการฟ้องคดีของโจทก์ก็ขาดอายุความ 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ นายโพธิ์ ลิสอน และมารดาจำเลยต่างเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายสีจึงเป็นเจ้าของร่วมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทอาศัยสิทธิของมารดา พิพากษายกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนายสี
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 นายวิวัฒน์ ลิสอนผู้จัดการมรดกของนายสี ลิสอน โจทก์ถึงแก่กรรม นายโพธิ์ ลิสอนผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งของนายสี ลิสอน ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย ข้อเท็จจริงฟังตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี และวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องแต่ศาลชั้นต้นยังไม่รับวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอายุความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องไม่ชอบเพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าว เท่ากับโจทก์ยอมรับแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยเองว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องทั้งที่โจทก์ไม่ได้โต้แย้งแล้วจึงเป็นการไม่ชอบและเมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ปัญหาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอีก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอายุความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share