คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบเงินฝากสะสมของโจทก์ในช่วงเวลานับแต่วันที่โจทก์เริ่มเข้าทำงานจนถึงวันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ส่วนคดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบเงินฝากสะสมของโจทก์ในช่วงเวลานับแต่วันที่เลิกจ้างโจทก์จนถึงวันที่โจทก์เกษียณอายุ แต่ทั้งสองคดีก็เป็นการที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบซึ่งโจทก์อ้างว่ามีสิทธิจะได้รับตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยเงินฝากสะสมฯ ซึ่งโจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าวในคราวเดียวกัน การที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบในคดีนี้อีก ถือได้ว่าเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เมื่อโจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินฝากสะสมพร้อมดอกเบี้ยถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 จำนวน 210,686.79 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินฝากสะสมจำนวน 113,580.50 บาท นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ เงินฝากสมทบจำนวน 113,580.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ เงินประกันจำนวน 500 บาท พร้อมดอกเบี้ยถึงวันเลิกจ้างจำนวน 1,262.66 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 500 บาท นับแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ด้วย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า ฟ้องโจทก์ที่ขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าโจทก์เคยเป็นลูกจ้างจำเลย ต่อมาจำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติของคณะกรรมการดำเนินการที่สั่งโดยชอบ หลังจากนั้นโจทก์จึงได้ดำเนินการยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ 12856/2541 เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เงินบำเหน็จ เงินสมทบ เงินฝากสะสมในช่วงเวลานับแต่วันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ไปจนกระทั่งถึงวันที่โจทก์เกษียณอายุ ค่าเสียหายจากการที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจและเงินโบนัส ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายและเงินบำเหน็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก โดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเงินฝากสะสมแก่โจทก์ตามฟ้องตามคดีความหมายเลขแดงที่ 6087 – 6088/2544 คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยมีระเบียบว่าด้วยเงินฝากสะสม พ.ศ.2533 ตามเอกสารหมาย จ.ล.1 ดังนี้เห็นว่า แม้คดีนี้โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบเงินฝากสะสมของโจทก์ในช่วงเวลานับแต่วันที่โจทก์เริ่มเข้าทำงานจนถึงวันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ส่วนคดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่ายเงินสมทบเงินฝากสะสมของโจทก์ในช่วงเวลานับแต่วันที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จนถึงวันที่โจทก์เกษียณอายุก็ตาม แต่ทั้งสองคดีก็เป็นการที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบซึ่งโจทก์อ้างว่ามีสิทธิจะได้รับตามระเบียบของจำเลยว่าด้วยเงินฝากสะสม พ.ศ.2533 เอกสารหมาย จ.ล.1 นั่นเอง ซึ่งโจทก์ชอบที่จะฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบทั้งสองช่วงเวลาดังกล่าวในคราวเดียวกัน การที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยจ่ายเงินสมทบในคดีนี้อีกถือได้ว่าเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 11 คำพิพากษาศาลแรงงานกลางชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share