แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ป. ผู้ตายซึ่งเป็นบิดาชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ศาลวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของ ป. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มายื่นฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ ป. ชำระหนี้เงินกู้ดังกล่าวอีก ประเด็นแห่งคดีทั้งสองเป็นประเด็นเดียวกันว่าจำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายหรือไม่ คู่ความทั้งสองฝ่ายก็เป็นรายเดียวกันคำฟ้องโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นนั้นอีก เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำและฟ้องซ้ำด้วย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และมาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนายประทีป สุวรรณด้วงผู้ตาย ชำระเงินจำนวน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน100,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าโจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ซึ่งศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาว่าเป็นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายและสั่งอนุญาตให้ผู้อุทธรณ์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา และสั่งในอุทธรณ์ว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้สั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ และให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา พออนุโลมได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่งแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อเดียวว่า ฟ้องโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และมาตรา 148 หรือไม่ เห็นว่าคดีก่อนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 368/2543 ของศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนายประทีป สุวรรณด้วง ผู้ตายซึ่งเป็นบิดาชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของนายประทีป จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมายื่นฟ้องคดีนี้อีกขอให้บังคับจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนายประทีป สุวรรณด้วง ผู้ตาย ชำระหนี้เงินกู้ดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ดังนี้ ประเด็นแห่งคดีทั้งสองเป็นประเด็นเดียวกันคือให้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของนายประทีป สุวรรณด้วง ผู้ตาย อันจะทำให้จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่ คู่ความทั้งสองฝ่ายก็เป็นรายเดียวกัน ศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีก่อนไปแล้ว คำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นนั้นอีก เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำและฟ้องซ้ำด้วย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และมาตรา 148ตามลำดับ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน