คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองนำรถจักรยานยนต์ของผู้ร้องไปขับแข่งกับกลุ่มวัยรุ่นในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกจับกุมดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯก่อนที่จำเลยทั้งสองจะนำรถจักรยานยนต์ของผู้ร้องไปใช้ในการกระทำความผิด ผู้ร้องและจำเลยทั้งสองได้นั่งดื่มเบียร์ในร้านซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานของผู้ร้อง ดังนั้น หากผู้ร้องรู้สึกว่าตนมีอาการเมาไม่สามารถขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านได้ ก็น่าจะนำไปเก็บไว้ยังที่ทำงานของตน ไม่จำเป็นต้องฝากให้ผู้อื่นรับภาระดูแลรักษา ทั้งผู้ร้องเคยให้จำเลยที่ 1ใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ร้องหลายครั้ง จึงน่าเชื่อว่าในคืนเกิดเหตุผู้ร้องยินยอมให้จำเลยที่ 1ใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ร้องได้ตามอำเภอใจ ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง จึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 กับขอให้ริบรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน นขล 932กรุงเทพมหานคร ของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง และสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลาง

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง โดยขณะที่จำเลยทั้งสองนำไปใช้กระทำความผิด ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้ศาลมีคำสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของในรถจักรยานยนต์ของกลาง การร้องขอคืนของกลางเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โดยผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง จำเลยทั้งสองได้ใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวในการกระทำความผิด ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยทั้งสองนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ ผู้ร้องนำสืบว่าได้ฝากรถจักรยานยนต์ของกลางไว้กับจำเลยที่ 1 ต่อมาจึงทราบว่าจำเลยทั้งสองนำไปใช้กระทำความผิดและถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลาง ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยทั้งสองนำรถจักรยานยนต์นั้นไปใช้ในการกระทำความผิด เห็นว่า ตามคำเบิกความของจำเลยทั้งสองได้ความว่าก่อนที่จำเลยทั้งสองจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ผู้ร้องและจำเลยทั้งสองได้พากันนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่ร้านแอนโทนี่ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานของผู้ร้อง ดังนั้น หากผู้ร้องรู้สึกว่าตนมีอาการเมาไม่สามารถขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านได้ ผู้ร้องก็น่าจะนำรถจักรยานยนต์นั้นไปเก็บไว้ยังที่ทำงานของตนไม่จำเป็นต้องฝากให้ผู้อื่นต้องรับภาระดูแลรักษา ทั้งตามคำเบิกความของผู้ร้องได้ความว่า ผู้ร้องเคยให้จำเลยที่ 1 ใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ร้องหลายครั้งโดยพฤติการณ์น่าเชื่อว่าในคืนเกิดเหตุผู้ร้องยินยอมให้จำเลยที่ 1 ใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ร้องได้ตามอำเภอใจของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share