คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเมาสุราอยู่ร้านขายสุรา ผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนบอกให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยว่าไม่เมา จะกลับเองแต่ลุกไม่ขึ้น ผู้เสียหายจึงพยุงให้จำเลยลุกขึ้นและผู้เสียหายว่าจำเลยพกปืนอยู่จึงบอกจำเลยว่าขอปืนมาเก็บ จำเลยจะชักปืนออมาให้ แต่ผู้เสียหายกลับไปกดมือจำเลยไว้ไม่ให้จำเลยดึงออกมา ปืนของจำเลยอยู่สภาพที่ลั่นได้ง่ายถ้าใช้ไม่เป็น การปลดปืนออกจากซองต้องใช้นิ้วสอดเข้าไปที่โกร่งไกปืน กดสปริงพร้อมกับดึงปืนขึ้น การที่ผู้เสียหายเสี่ยงภัยกดมือจำเลยไว้ไม่ยอมให้จำเลยดึงปืนออกมาแล้วปืนเกิดลั่นขึ้นถูกขาผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์
จำเลยได้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.3 แล้ว แต่มิได้นำปืนไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.4 ภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และอาวุธปืนต้องถูกริบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน ๑ กระบอกและกระสุนจำนวน ๖ นัด ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและจำเลยได้เสพสุราจนเมาครองสติไม่ได้ในที่สาธารณสถาน ร้อยตำรวจโทคงเดช ชูศรี ได้เข้าพยุงตัวจะพาตัวจำเลยกลับบ้าน และขอปืนจากจำเลยเพื่อเก็บไว้ให้ปลอดภัย แต่จำเลยดิ้นรนขัดขืนและจะชักปืนออกจากซอง ร้อยตำรวจโทคงเดชจึงใช้มือกุมทับมือของจำเลยที่ชักปืนไว้ จำเลยขัดขืนดินรน ใช้มือชักดึงปืนของจำเลยออกจากซองปืน ทำให้กระสุนปืนลั่นขึ้น ๑ นัด ถูกบริเวณขาร้อยตำรวจโทคงเดชเป็นบาดแผลสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๘, ๓๐๐ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อันเป็นกระทงหนัก จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๑,๐๐๐ บาท โทษจำให้รอไว้ ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๐ นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยดื่มสุราที่ร้านขายสุราจนมึนเมา เจ้าของร้านจึงแจ้งให้ร้อยตำรวจโทคงเดชนายร้อยเวรทราบ ร้อยตำรวจโทคงเดชบอกให้จำเลยลุกขึ้นจะพาไปส่งบ้าน จำเลยยังเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า ผมไม่เมา ผมจะกลับเอง ขึ้นแรกร้อยตำรวจโทคงเดชพูดบอกจำเลยขอปืนมาเก็บเนื่องจากจะเกิดอันตราย จำเลยก็เอี้ยวตัวจะชักปืนออกมาให้ จากคำเบิกความของสิบตำรวจโทสุชาติที่ว่าซองปืนของกลางถ้าไม่รู้วิธีใช้ เอามือล้วงเข้าไปจับปืนกระตุกขึ้นมาแล้วอาจลั่นขึ้นได้ จะเห็นว่าซองปืนของจำเลยอยู่ในสภาพที่ลั่นได้ง่ายถ้าใช้ไม่เป็น การจะปลดปืนออกจากซองต้องใช้นิ้วสอดเข้าที่โกร่งไกปืน กดสปริงพร้อมกับดึงปืน เมื่อร้อยตำรวจโทคงเดชขอปืนจำเลยมาเก็บ แทนที่ร้อยตำรวจโทคงเดชจะปล่อยให้จำเลยดึงปืนออกมาเองโดยลำพังกลับไปกดมือจำเลยไว้ไม่ให้จำเลยดึงปืนออกมา เมื่อการดึงปืนจะต้องเอานิ้วไปกดสปริงเพื่อให้โกร่งปืนหลุดจากสปริงเสียก่อน ประกอบทั้งไกปืนอยู่ใกล้ ๆ กับโกร่งปืน กระสุนจึงได้ลั่นออกมา จากพฤติการณ์ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดปืนลั่นขึ้นนี้ เป็นการกระทำของร้อยตำรวจโทคงเดชที่เสี่ยงภัยเข้าไปกดมือจำเลยไว้ไม่ยอมให้จำเลยดึงปืนออกมา คดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการโดยปราศจากความระมัดระวัง ตามวิสัยและพฤติการณ์ เมื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เข้าลักษณะประมาทโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤศติการแล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องวินิจฉัยฎีกาข้อ ค. ของจำเลยที่ว่าร้อยตำรวจโทคงเดชเป็นผู้ทำปืนลั่นถูกขาซ้ายของตนเอง
ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.๓ มาแล้วแต่มิได้นำปืนของกลางไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.๔ ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เพราะไม่มีตัวบทกฎหมายกำหนดไว้ว่าเป็นความผิด นั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลขั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยมีความผิดฐานมีปืนที่ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ศาลล่างทั้งสองศาลไม่ได้ฟังว่าการที่จำเลยมิได้นำปืนของกลางไปจดทะเบียนรับใบอนุญาต ป.๔ เป็นความผิด หากแต่ว่า การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนตามแบบ ป.๓ แล้ว จำเลยไม่ได้นำปืนไปให้นายทะเบียนท้องที่ทำเครื่องหมาย เพื่อออกใบอนุญาตตามแบบ ป.๔ ให้ จำเลยจะอ้างใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน ซึ่งหมดอายุตามที่กฎหมายระบุไว้มาเป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไม่ได้เท่านั้น การที่จำเลยมีอาวุธปืนที่ไม่ไมีเครื่องหมายของเจ้าพนักงานประทับไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่จึงมีความผิดตามเหตุผลที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์จำเลย

Share