คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัสดีอำเภอแนะนำให้บุตรจำเลย ยื่นคำร้องขอใช้นามสกุลของมารดา ก่อนรับขึ้นทะเบียนทหาร โดยเสียค่าธรรมเนียม 52 บาท จำเลยไม่ยอม และให้ข่าวหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาว่าสัสดีไถเงิน เป็นหมิ่นประมาท โดยไม่ใช่แสดงความคิดเห็นป้องกันตนโดยสุจริต

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลย 4 เดือน ปรับ 2,000บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ป.ร. 41 21 ตุลาคม2519 ข้อ 7, 8 รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นสัสดีอำเภอไม่ยอมรับขึ้นทะเบียนทหารให้บุตรชายจำเลย เพราะใช้นามสกุลของจำเลยซึ่งเป็นมารดาผู้เสียหายแนะนำให้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนใช้นามสกุลเสียก่อน โดยเสียค่าธรรมเนียม 50 บาท ค่าเขียนคำร้อง 2 บาท และค่าอากรแสตมป์ 20 สตางค์รวม 52 บาท 20 สตางค์ ตามระเบียบ นายอำเภอ เจ้าพนักงานตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัดได้แนะนำเช่นนั้น จำเลยไม่ยอมมีหน่วยราชการจะออกค่าธรรมเนียมให้ จำเลยก็ไม่ยอมลงชื่อในคำร้อง ดังนี้ เห็นว่าการที่จำเลยยังให้ข่าวลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าผู้เสียหายได้ไถเงินบุตรชายจำเลยและจำเลยเป็นเงิน 52 บาท จำเลยไม่ยอมให้ผู้เสียหายจึงไม่ยอมรับบุตรชายจำเลยขึ้นทะเบียนทหารนั้น เป็นการใส่ความผู้เสียหาย ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง”

พิพากษายืน

Share