แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา โจทก์มีหน้าที่ต้องมาศาลตามกำหนดนัด แม้ น. พนักงานอัยการโจทก์เจ้าของสำนวนจะมาที่ศาลแล้วแต่ก็มิได้เข้าห้องพิจารณา น. คงไปทำหน้าที่แทนพนักงานอัยการในคดีอื่นและทำหน้าที่อื่น โจทก์อ้างว่าจะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาว่าความแทนโจทก์โดยโจทก์เองไม่ได้ใส่ใจว่าที่แท้จริงแล้วมีพนักงานอัยการคนอื่นมาทำหน้าที่แทนหรือไม่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ประกาศเรียกโจทก์ให้เข้าห้องพิจารณาตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา ศาลรอจนกระทั่งเวลา 11.15 นาฬิกา โจทก์ก็ไม่เข้าห้องพิจารณาคดีแถลงให้ศาลทราบถึงเหตุขัดข้องของโจทก์ ดังนี้โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เชื่อว่าจะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาทำหน้าที่แทนแล้วเพื่อให้เห็นว่าโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะจงใจหรือไม่ใส่ใจในกำหนดนัดของศาลหาได้ไม่ เหตุที่โจทก์เชื่อดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 181
โจทก์ยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2545 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ นายนพฎล พรไชยา พนักงานอัยการโจทก์เจ้าของสำนวนติดราชการเวรชี้ อัยการจังหวัดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการคนอื่นมาสืบพยานแทน และในวันดังกล่าวนายนพฎลยังได้มาศาลและสืบพยานคดีอื่นแทนพนักงานอัยการคนอื่นที่ลาหยุด และลงลายมือชื่อในสำนวนคดีอื่นอีกด้วย จนถึงเวลา 11.55 นาฬิกา จึงกลับสำนักงานของโจทก์ โดยนายนพฎลมิได้มาศาลสืบพยานตามนัดในคดีนี้อันเป็นการผิดหลง มิได้มีเจตนาจงใจไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องดังปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งนายนพฎลเชื่อโดยสุจริตว่ามีพนักงานคนอื่นมาศาลทำหน้าที่แทนตนในคดีนี้แล้ว การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดจึงมีเหตุสมควร ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ทางไต่สวนโจทก์นำสืบว่า วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2545 ซึ่งเป็นกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์คดีนี้นายนพฎล พรไชยา พนักงานอัยการโจทก์เจ้าของสำนวนติดราชการเวรชี้ต้องปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์และมาศาลเพื่อลงชื่อในสำนวนความ สำหรับคดีนี้จะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาศาลว่าความแทนซึ่งนายนพฎลได้มาศาลในช่วงเวลา 9.30 นาฬิกา ถึง 11.55 บาท สืบพยานโจทก์คดีอื่นแทนพนักงานอัยการคนอื่นที่ลาหยุด ลงลายมือชื่อและแก้ไขข้อผิดพลาดในสำนวนความคดีอื่นและได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์คดีนี้ทราบแล้วว่าจะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาทำหน้าที่แทน โจทก์จึงไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้จงใจไม่มาศาลเพราะเข้าใจโดยสุจริตว่ามีพนักงานอัยการคนอื่นมาว่าความแทนแล้ว จึงมีเหตุสมควรขอให้พิจารณาคดีใหม่
พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า มีเหตุสมควรหรือไม่ที่โจทก์ไม่ได้มาตามกำหนดนัดของศาล โจทก์อ้างว่าโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะจงใจหรือไม่ใส่ใจในกำหนดวันนัดของศาลหรือประวิงคดีแต่ประการใด เห็นว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วมีหน้าที่ต้องมาศาลตามกำหนดนัด แม้นายนพฎล พรไชยา พนักงานอัยการโจทก์เจ้าของสำนวนจะมาที่ศาลแล้วแต่ก็มิได้เข้าห้องพิจารณา นายนพฎลคงไปทำหน้าที่แทนพนักงานอัยการในคดีอื่นและทำหน้าที่อื่น โจทก์อ้างว่าจะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาว่าความแทนโจทก์โดยโจทก์เองไม่ได้ใส่ใจว่าที่แท้จริงแล้วมีพนักงานอัยการคนอื่นมาทำหน้าที่แทนหรือไม่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ประกาศเรียกโจทก์ให้เข้าห้องพิจารณาตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา ศาลรอจนกระทั่งเวลา 11.15 นาฬิกา โจทก์ก็ไม่เข้าห้องพิจารณาคดีแถลงให้ศาลทราบถึงเหตุขัดข้องของโจทก์ ทั้งที่โจทก์ได้มาอยู่ในบริเวณศาลแล้ว ดังนี้โจทก์จะอ้างว่า โจทก์เชื่อว่าจะมีพนักงานอัยการคนอื่นมาทำหน้าที่แทนแล้วเพื่อให้เห็นว่าโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะจงใจหรือไม่ใส่ใจในกำหนดนัดของศาลหาได้ไม่ พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่หรือเล็งเห็นถึงความสำคัญในเวลานัดของศาล เหตุที่โจทก์เชื่อดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่จะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวหรือยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องโดยไม่อนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.