แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินตามสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ให้จำเลยใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ดังนี้ เมื่อคดีถึงที่สุดและจำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดีหน้าที่และความรับผิด ย่อมตกทอดแก่ทายาทเพื่อให้การบังคับคดีเสร็จสิ้นไปเท่านั้น กรณีไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 และ 44 เมื่อจำเลยเป็นผู้ดำเนินคดีโดยแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีมาแต่ต้น ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่อ้างว่าผิดระเบียบในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินตามสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้ได้ ให้จำเลยใช้เงินจำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนเพิงที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
ระหว่างบังคับคดีจำเลยถึงแก่ความตาย นายตะวัน นายประหลาด และนายพงศ์กวี ผู้จัดการมรดกของจำเลย ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ต่อมานางแก้วตา ผู้จัดการมรดกของจำเลยอีกคนหนึ่งยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย และยื่นคำร้อง อีกฉบับหนึ่งว่า ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ฝ่ายโจทก์นำพยานเข้าเบิกความ ๒ ปาก ฝ่ายจำเลยโดยทนายจำเลยแถลงต่อศาลเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ว่า ไม่ติดใจสืบพยาน ซึ่งกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นการร่วมกันสมคบฉ้อฉลโดยเจตนาทุจริตระหว่างโจทก์กับทนายจำเลยเพื่อให้คดีเสร็จไปโดยเร็ว เป็นผลให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามฟ้อง ทำให้คดีของจำเลยเสียหาย โดยไม่มีการแจ้งผลแห่งคดีและปล่อยให้คดีพ้นเวลาอุทธรณ์ กระบวนพิจารณาเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ จึงผิดระเบียบ ทำให้คำพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ไต่สวนคำร้องและเพิกถอนการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทั้งหมด
โจทก์ไม่ค้านที่นางแก้วตาผู้ร้องที่ ๔ ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลย แต่คัดค้านที่ขอเพิกถอนกระบวนพิจารณา ที่ผิดระเบียบ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ร้องที่ ๔ ยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนด ๘ วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และตามคำร้องไม่ปรากฏว่ากระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณา ที่ผิดระเบียบ
ผู้ร้องที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วและจำเลยถึงแก่ความตายในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๙๙, ๑๖๐๐ เพื่อให้การบังคับคดีเสร็จสิ้นไปเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๔๒ และ ๔๔ แห่ง ป.วิ.พ. ดังนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ดำเนินคดีโดยแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีมาแต่ต้น จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดแล้วเช่นนี้ ผู้ร้องที่ ๔ จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวที่อ้างว่าผิดระเบียบได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องมานั้น ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ .