แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 วางแผนอยู่ที่บ้านให้จำเลยอื่นไปทำการปล้นทรัพย์ แล้วต่อมาจำเลยอื่นได้ไปทำการปล้นทรัพย์ตามแผนดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปร่วมทำการ ในการปล้นทรัพย์ด้วยเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นตัวการในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จะถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด แต่เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้จำเลยอื่นกระทำผิด หากกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำการปล้นทรัพย์ ย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยที่ 1 วางแผนในการปล้นทรัพย์และออกเงินให้จำเลยอื่นไปใช้จ่ายเป็นค่าเช่าแก่เจ้าของทรัพย์อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในการปล้น ตลอดจนไปชี้บ้านเจ้าทรัพย์ให้แก่พวกที่จะไปทำการปล้น ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดนั้น ซึ่งแม้โจทก์จะมิได้กล่าวถึงความข้อนี้มาในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์รายนี้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 39/2515)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 กับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนติดตัวทำการปล้นทรัพย์ของนายวิโรจน์ มุสิกวุฒิ และของนายสมจิตต์ ปุณกานนท์ และจำเลย 4 คนนี้ร่วมกันมีอาวุธปืนพก 1 กระบอกไม่มีเครื่องหมายประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 5 ได้รับเอาเครื่องแอมปลิฟายพร้อมตู้ขยายเสียง 2 เครื่องที่ถูกปล้นไว้จากคนร้าย โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดเข้าลักษณะปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 357, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 645 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้ง 5 คนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 เฉพาะจำเลยที่ 4 ยังผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกด้วย ให้ลงโทษกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 วางโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 คนละ 12 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุก จำเลยที่ 1 ที่ 2 คนละ 8 ปี จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วางโทษจำคุก 4 ปี ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 645 บาทแก่นายวิโรจน์ คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สำหรับจำเลยที่ 5 ให้ยกเสีย
จำเลยทั้ง 5 คนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 กับพวกอีกคนหนึ่งมาเช่าเครื่องแอมปลิฟาย 2 เครื่องจากนายสมจิตต์ นายสมจิตต์ให้นายวิโรจน์คุมเครื่องไป ระหว่างทางจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 กับพวกร่วมกันปล้นเอาเครื่องแอมปลิฟายดังกล่าวของนายสมจิตต์ กับนาฬิกาข้อมือ แหวนทองคำ และสร้อยคอทองคำของนายวิโรจน์ไป โดยทำร้ายนายวิโรจน์ด้วย สำหรับจำเลยที่ 1 นั้นเป็นผู้วางแผนในการปล้นทรัพย์รายนี้ โดยจำเลยที่ 1 ยืนสร้อยคอทองคำของจำเลยที่ 5 ไปจำนำเอาเงินให้จำเลยที่ 2 กับพวกแกล้งไปเช่าเครื่องแอมปลิฟายของนายสมจิตต์ จึงวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า การที่จำเลยที่ 1 วางแผนอยู่ที่บ้านที่ตนพักอาศัย ให้จำเลยอื่นไปทำการปล้นทรัพย์ แล้วต่อมาจำเลยอื่นได้ไปทำการปล้นตามแผนดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปร่วมกระทำการในการปล้นด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการในการกระทำผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้จะถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 84 แห่งกฎหมายเดียวกัน แต่ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้จำเลยอื่นกระทำความผิดด้วยประการใด หากกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยอื่นทำการปล้นทรัพย์รายนี้เท่านั้น จะลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดไม่ได้ แต่ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกายังเห็นต่อไปอีกว่า การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้วางแผนในการปล้นทรัพย์ และออกเงินให้จำเลยอื่นไปใช้จ่ายเป็นค่าเช่าแก่เจ้าของทรัพย์อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในการปล้นทรัพย์ ตลอดจนไปชี้บ้านของเจ้าทรัพย์ให้แก่พวกที่จะไปทำการปล้น ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดนั้น ตามมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งแม้โจทก์จะมิได้กล่าวถึงความข้อนี้มาในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ รายนี้ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า เฉพาะจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 86 วางโทษสองในสามส่วน ให้จำคุกจำเลยที่ 1 แปดปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่มาก มีเหตุบรรเทาโทษ ให้ลดโทษจำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์