คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกระทงแรก 1 ปี กระทงหลัง2 ปี รวมจำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษโดยไม่ได้จำคุกจำเลย เพียงแต่ลงโทษปรับสถานเดียวกระทงละ 5,000 บาท รวมสองกระทงปรับ 10,000 บาท ดังนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษและเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 11/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 บังอาจมี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต กับจำเลยทั้งสี่บังอาจร่วมกันดำเนินการบริการส่งวิทยุกระจายเสียงเพื่อสาธารณะ โดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 4, 6, 22, 23 พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 มาตรา 3, 5, 16, 17 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83 ขอให้ริบของกลาง

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 4, 6, 22, 23 พระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2498 มาตรา 3, 5, 16, 17 เรียงกระทงลงโทษ กระทงแรกจำคุก 1 ปี กระทงหลังจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 3 ปี ของกลางริบทั้งหมด เว้นของกลางอันดับ 6 ตามบัญชีของกลางท้ายฟ้องให้คืนเจ้าของ คำขออื่นให้ยก ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่2, ที่ 3, ที่ 4

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ผิด 2 กระทง ให้ปรับกระทงละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะอัตราโทษไม่จำคุกจำเลยเพียงแต่ลงโทษปรับสถานเดียวกระทงละ 5,000 บาท รวมสองกระทงปรับ 10,000 บาท เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษและเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share