แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยผู้อุทธรณ์ไม่จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์สั่งเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าจำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนดไป 1 วัน เพราะศาลชั้นต้นออกหมายนัดส่งไปยังกองบังคับคดีแพ่งล่าช้า และตามพฤติการณ์ยังไม่สมควรที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีให้ยกคำร้องของโจทก์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จะฎีกาก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาแล้วพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะที่คัดค้านว่าศาลสั่งงดสืบพยานเป็นการมิชอบ แล้วจำเลยไม่จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณืแก่โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยมิได้จงใจเพิกเฉยไม่นาส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยทิ้งฟ้องให้จำเลยจัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันทราบคำสั่ง
ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยไม่จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์สั่ง เป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวน แล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าการที่จำเลยนำเจ้าพนักงานส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 7 วันไปเพียง 1 วันเป็นเพราะศาลชั้นต้นออกหมายนัดไปยังกองบังคับคดีแพ่งล่าช้า ทั้งตามมาตรา 132 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็มิได้บังคับเด็ดขาดว่าศาลต้องจำหน่ายคดี และเห็นว่าตามพฤติการณ์ยังไม่สมควรที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดี ให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ขอให้จำหน่ายคดี
ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จะฎีกาก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 และ 226
จึงให้ยกฎีกาโจทก์