แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย สำหรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนั้น จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และคำพยานบอกเล่ารับฟัง เป็นพยานได้เพียงใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 58) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ลงโทษจำคุก 1 ปี ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 3085/2536 และ 868/2537 ของศาลนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 54) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหาย ได้มอบอำนาจให้นายจิรันดร์ศักดิ์นิตยวิมล ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแทนผู้เสียหายนั้น จึงเป็น การฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อที่จะนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย เรื่องอำนาจฟ้อง เท่ากับเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั่นเอง ไม่ใช่ข้อกฎหมายดังจำเลยกล่าวอ้าง และที่จำเลยฎีกาว่า พยานโจทก์รับฟังไม่ได้ เป็นพยานบอกเล่านั้น ก็เป็นการโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลซึ่งเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงเช่นกัน ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง