คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ให้คนรักของจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าห้องพักที่เกิดเหตุ แล้วจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาซุกซ่อนไว้เพื่อจำหน่าย ก่อนถูกจับกุมจำเลยที่ 2 เปิดประตูห้องพักพบเจ้าพนักงานตำรวจมีอาการตกใจรีบหลบหนีกลับเข้าไปในห้องพักทันที อันเป็นข้อพิรุธ ส่วนจำเลยที่ 3 เปิดบัญชีธนาคารโดยรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปใช้เบิกถอนเงินออกไปจากบัญชีของจำเลยที่ 3 เป็นจำนวนมาก และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเพียงผู้สนับสนุน ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และขับรถยนต์โดยเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5301/2553 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ และเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2551 จำเลยที่ 2 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 2 ปี 9 เดือน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5526/2551 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ จำเลยที่ 1 และที่ 2 กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 97, 100/1, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 92 ริบเมทแอมเฟตามีน เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงพลาสติกใส ซองอาวุธปืน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนของกลาง เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 กึ่งหนึ่งในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานเสพเมทแอมเฟตามีน และเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 หนึ่งในสามในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสาม, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุก 9 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในความผิดทั้งสองฐานเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 8 เดือน ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน คงจำคุก 4 เดือน 15 วัน รวมจำคุก 12 เดือน 15 วัน ส่วนฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท เนื่องจากศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงเพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 ในโทษจำคุกอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คงจำคุกตลอดชีวิตและปรับ 3,000,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต และปรับ 3,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 จำคุกคนละ 6 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุก 9 เดือน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน 15 วัน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน เครื่องชั่งน้ำหนัก ถุงพลาสติกใส และอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่และซองอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้งสามคนละตลอดชีวิต และปรับคนละ 2,000,000 บาท เมื่อลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงเพิ่มโทษจำคุกอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คงเพิ่มโทษได้เฉพาะโทษปรับกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำคุกคนละตลอดชีวิต และปรับคนละ 3,000,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 40 ปี และปรับคนละ 2,400,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 40 ปี และปรับ 1,600,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นของจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 40 ปี 12 เดือน 15 วัน และปรับ 2,400,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 40 ปี 4 เดือน 15 วัน และปรับ 2,400,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 40 ปี 3 เดือน และปรับ 1,600,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555 เวลาประมาณ 2 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสามได้ที่ห้องพักเลขที่ 316 อาคารบางนาเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งยึดเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส จำนวน 4 ถุง น้ำหนักสุทธิ 144.210 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 137.028 กรัม และเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด 76 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 7.490 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.676 กรัม รวมน้ำหนักสุทธิ 151.700 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 138.704 กรัม ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ ทั้งยังยึดได้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .22 แมกนั่ม จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนชนิดต่าง ๆ รวม 38 นัด ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนใหญ่ของห้องพักดังกล่าว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 เฉพาะข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า นอกจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกสถานหนึ่ง จำเลยทั้งสามฎีกา ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ได้ความจากร้อยตำรวจเอก พนม และดาบตำรวจ พิษณุ เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสาม พยานโจทก์เบิกความว่า ก่อนจับกุม พยานโจทก์ทั้งสองสืบทราบว่าจำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้โทษและหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักดังกล่าว พยานโจทก์ทั้งสองกับพวกเดินทางไปที่ห้องพักที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงจำเลยที่ 2 เปิดประตูออกมาเมื่อเห็นพยานโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 มีท่าทีตกใจรีบกลับเข้าห้อง พยานโจทก์ทั้งสองจึงติดตามเข้าไปในห้องพักที่เกิดเหตุ นอกจากพบจำเลยที่ 2 แล้วยังพบจำเลยที่ 1 และที่ 3 อยู่ในห้องโถงกลาง ภายในห้องพักพบเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด และอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้องพักมีห้องนอนใหญ่เป็นของจำเลยที่ 1 และห้องนอนเล็กเป็นของจำเลยที่ 2 ภายในห้องนอนใหญ่ตรวจค้นพบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 อยู่ในกล่องภายในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดตู้เซฟภายในห้องของจำเลยที่ 1 พบเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส จำนวน 3 ถุง และเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด จำนวน 1 ถุง ทั้งยังพบสัญญาเช่าห้องพักที่เกิดเหตุมีชื่อ นางสาวเกียรติยา คนรักของจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่า และพบสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุขุมวิท 107 มีชื่อจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของบัญชีมีเงินเข้าออกบัญชีจำนวนมาก พยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติราชการตามหน้าที่เบิกความสอดคล้องต้องกันในส่วนสาระสำคัญตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าตรวจค้น จนกระทั่งจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง ไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์ทั้งสองจะกลั่นแกล้งเบิกความให้ร้ายแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ต้องรับโทษ โดยปราศจากความจริง เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ถึง 138.704 กรัม ซึ่งมีปริมาณมากย่อมเป็นปกติวิสัยที่ผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำต้องระมัดระวังมิให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมรู้เห็น สำหรับจำเลยที่ 2 นั้นตามสัญญาเช่าห้องพักเลขที่ 316 ซึ่งเป็นห้องพักที่เกิดเหตุมีชื่อนางสาวเกียรติยา คนรักของจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่า และจำเลยที่ 2 ก็อยู่ในห้องพักที่เกิดเหตุ ย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 2 ต้องรู้ถึงที่มาที่ไปของเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าว อีกทั้งก่อนที่จะจับกุมจำเลยที่ 2 เมื่อร้อยตำรวจเอก พนม และดาบตำรวจ พิษณุเดินขึ้นไปถึงห้องพักที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 2 เปิดประตูออกมา เมื่อพบพยานโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 มีอาการตกใจรีบหลบหนีกลับไปในห้องพักทันที อันเป็นข้อส่อพิรุธ พยานหลักฐานของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 มีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายของจำเลยที่ 1 สำหรับจำเลยที่ 3 ได้ความว่า ขณะที่จำเลยที่ 3 ถูกจับกุมก็อยู่ในห้องพักที่เกิดเหตุ ร้อยตำรวจเอก พนม และดาบตำรวจ พิษณุเบิกความว่า พยานโจทก์ทั้งสองตรวจพบสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 3 อยู่ในตู้เซฟภายในห้องพักที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชีของสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 3 พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีและถอนเงินออกจากบัญชีหลายครั้ง โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 30,000,000 บาท มากผิดปกติทำให้เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ย่อมมีส่วนรู้เห็นกับจำเลยที่ 1 ทั้งยังได้ความจากนายฤทธิรงค์ พยานจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสุขุมวิท 107 เบิกความเจือสมกับทางนำสืบของพยานโจทก์ว่า ในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม 2555 มีรายการเบิกถอนเงินรวม 41 รายการ เป็นเงินจำนวนมากถึง 3,660,402.25 บาท มีรายการฝากเงินรวม 26 รายการ เป็นเงิน 3,455,157.33 บาท ตามรายการบัญชี ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 3 แจ้งในตอนเปิดบัญชีว่าตนมีรายได้อยู่ระหว่าง 15,001 ถึง 30,000 บาทต่อเดือน เห็นได้ชัดว่ามีการโอนเงินและถอนเงินออกไปจากบัญชีของจำเลยที่ 3 เป็นจำนวนมากกว่ารายได้ที่จำเลยที่ 3 มีอยู่หลายเท่าตัว เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการของจำเลยที่ 1 ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 3 ให้การต่อพันตำรวจโท สายชล พนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 3 ไปเปิดบัญชี แล้วจำเลยที่ 1 เก็บสมุดบัญชีเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็มไว้ และใช้บัญชีดังกล่าวในการซื้อขายยาเสพติดหมุนเวียนกันไป จำเลยที่ 3 จะมาอ้างในภายหลังว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางย่อมไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 เป็นแต่เพียงจัดสถานที่พักอันได้แก่ ห้องที่เกิดเหตุโดยใช้ชื่อคนรักของจำเลยที่ 2 เป็นคู่สัญญาเช่าห้องพักดังกล่าว แล้วจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาซุกซ่อนเก็บรักษาไว้เพื่อจำหน่าย ส่วนจำเลยที่ 3 เปิดบัญชีธนาคารโดยรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปใช้เบิกถอนเงิน เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด อันเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามทางพิจารณาซึ่งได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสาม, 91 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 6 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุกในความผิดฐานนี้ 9 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน 15 วัน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 เดือน ส่วนฐานสนับสนุนให้มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 1,333,333.33 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ 49 ปี 12 เดือน และปรับ 1,999,999.99 บาท ลดโทษให้หนึ่งในห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 40 ปี และปรับ 1,600,000 บาท จำเลยที่ 3 มีกำหนด 26 ปี 8 เดือน และปรับ 1,066,666.67 บาท แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 40 ปี 4 เดือน 15 วัน และปรับ 1,600,000 บาท จำเลยที่ 3 มีกำหนด 26 ปี 11 เดือน และปรับ 1,066,666.67 บาท หากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share