คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างมีอาชีพรับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยรับโอนรถคันพิพาทมาจาก ส. ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของตามทะเบียนแล้วโจทก์ได้ซื้อรถนั้นจากจำเลย ต่อมาปรากฏว่า ส. ได้ยักยอกรถคันนี้มาจากเจ้าของอันแท้จริง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มายึดรถจากโจทก์ไปคืนให้เจ้าของอันแท้จริง โจทก์ยอมมอบให้ไป และว่าจะไปทวงถามเอาจากจำเลยเองเช่นนี้ ถือว่าโจทก์ผู้ซื้อยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยให้ชำระราคารถคืนเกินกว่า 3 เดือนนับแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเอารถยนต์ไปคดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้จัดการร้านวิเพชรยนต์บริการมีวัตถุประสงค์รับซื้อรถยนต์นั่งใช้แล้วนำมาซ่อมขาย ส่วนจำเลยเป็นเจ้าของและผู้จัดการร้านบริการเฟี๊ยตกรุงเทพฯ มีวัตถุประสงค์รับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์เช่นกัน จำเลยได้ให้นายสมพงษ์ลูกจ้างของจำเลยนำรถยนต์นั่งเฟี๊ยตก.ท.ช. ๒๗๖๙ มาขายให้โจทก์ โดยอ้างว่าซื้อมาจากนายเสรี โจทก์ตกลงซื้อในราคา ๕๑,๐๐๐ บาท ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจมายึดรถคันนี้ไปจากโจทก์อ้างว่าไม่ใช่รถของจำเลย แต่เป็นรถที่นายเสรีได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องรับผิดใช้ค่ารถ ๕๑,๐๐๐ บาท ค่าซ่อมรถ๑,๐๐๐ บาท และค่าขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการขายรถคันนี้อีก ๕,๐๐๐ บาทรวม ๕๗,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถไปถึงวันฟ้อง เป็นเงิน ๒,๔๙๖ บาท รวมทั้งสิ้น ๕๙,๔๙๖บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยด้วย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของบริการเฟี๊ยตฯ นายสมพงษ์ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลย ทั้งจำเลยไม่เคยมอบรถยนต์ตามฟ้องไปเสนอขายให้โจทก์จำเลยรับซื้อรถคันนี้ไว้จากนายเสรีโดยสุจริต และขายต่อให้นายสมพงษ์ไปจำเลยไม่เคยรับเงินและเช็คจากโจทก์ เจ้าพนักงานตำรวจมิได้ยึดรถคันนี้จากโจทก์ เพียงแต่อายัดและนำรถไปสอบสวนเท่านั้น ซึ่งยังไม่ปรากฏว่านายเสรีได้รถคันนี้มาโดยผิดกฎหมายหรือไม่ โจทก์จึงยังไม่เสียหายไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม ไม่ขาดอายุความและฟังว่าโจทก์ซื้อรถคันพิพาทจากจำเลย โดยจำเลยรับโอนมาจากนายเสรีเมื่อปรากฏว่านายเสรีได้รถคันนี้มาจากการกระทำผิดเจ้าพนักงานตำรวจยึดรถไป จึงเป็นการรอนสิทธิโจทก์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๕๑,๐๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเกิน ๓ เดือนแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๘๑พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์ได้ซื้อรถยนต์คันนี้มาโดยสุจริตจากจำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าขายของเก่าชนิดนั้น แต่โจทก์เบิกความรับว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมายึดรถคันนี้ไปจากโจทก์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกโจทก์ว่ารถยนต์คันที่โจทก์ซื้อมาจากจำเลยนี้เป็นรถยนต์ที่นายเสรียักยอกมาจากเจ้าของอันแท้จริงและได้แสดงหลักฐานให้โจทก์ดูว่าเป็นรถยนต์ที่ได้จากการกระทำผิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำโจทก์ว่าให้คืนรถยนต์คันนี้แก่เจ้าของอันแท้จริงไปแล้วให้โจทก์ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย โจทก์ก็ยอมมอบรถคันนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปโดยมิได้โต้แย้งแต่ประการใด และว่าจะไปทวงถามเอาจากจำเลยเอง เช่นนี้ถือว่าโจทก์ผู้ซื้อยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๘๑ แล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่า ๓ เดือนนับแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถคันนี้ไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ส่วนฎีกาโจทก์ที่ว่าเจ้าของรถยนต์อันแท้จริงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายเสรี ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น เห็นว่ามิใช่ข้อสำคัญเพราะโจทก์ยินยอมมอบรถยนต์คันนี้ไปคืนแก่เจ้าของอันแท้จริงแล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share