แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ว. ประจักษ์พยานของโจทก์เป็นชาวญวนอพยพไปอยู่ในประเทศที่สาม ไม่ได้มาเบิกความในศาล จึงรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของ ว.ไม่ได้ เพราะการพิจารณาและสืบพยานในศาลต้องทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลย เว้นแต่ที่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาโจทก์ต้องสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 และ 227
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102, 103 จำคุก 2 ปี 6 เดือน ริบเฮโรอีนของกลาง คำขอให้คืนของกลางแก่เจ้าของให้ยก เพราะเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ริบเฮโรอีนของกลาง ส่วนธนบัตรของกลางให้คืนจำเลย โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2523เวลาประมาณ 10 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกสงวนศักดิ์ พัชรวิชญ์ กับพวก ได้จับกุมนายวิน ยังแบ้ชาวญวนอพยพซึ่งหลบหนีมาจากศูนย์ชาวญวนอพยพกรุงเทพแล้วนำตัวมาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอแหลมสิงห์ตรวจค้นพบเฮโรอีน 8 หลอด สอบถามผ่านล่ามว่าซื้อเฮโรอีนมาจากใคร นายวิน ยังแบ้ว่าซื้อมาจากจำเลยในราคา 150 บาท แล้วออกติดตามจับกุมจำเลยได้ในตอนบ่ายวันเดียวกันที่หมู่บ้านเกาะเปริดใกล้ศูนย์ชาวญวนอพยพจำเลยรับสารภาพ ทำบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 แล้วนำตัวจำเลยพร้อมเงินของกลางส่งมอบต่อพนักงานสอบสวน นายวิน ยังแบ้ชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้อง ได้สอบคำให้การของนายวิน ยังแบ้เป็นพยานตามเอกสารหมาย จ.4 นายวิน ยังแบ้ดูเฮโรอีนของกลางแล้วยืนยันว่าเป็นของที่จำเลยขายให้ตามเอกสารหมาย จ.5 จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ตามเอกสารหมาย จ.6
จำเลยนำสืบว่า เคยเห็นหน้านายวิน ยังแบ้ก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน ขณะที่นายวิน ยังแบ้อยู่ในศูนย์ชาวญวนอพยพเกาะเปริด ไม่ยืนทำความเคารพธงชาติกำนันตำบลเกาะเปริดผู้ควบคุมศูนย์ใช้ให้จำเลยเตะนายวิน ยังแบ้เป็นเหตุให้นายวิน ยังแบ้โกรธเคืองจำเลย จำเลยถูกจับขณะกำลังรับจ้างแบกของลงจากรถตำรวจค้นตัวจำเลยได้เงินจากกระเป๋าเสื้อ 280 บาทยึดไป 150 บาท เงินนี้เป็นค่าจ้างออกลากอวน จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นจับกุมและสอบสวน ลายเซ็นในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 และบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.6 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย
โจทก์ฎีกาความว่า ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการจำหน่ายเฮโรอีนนั้นน่าจะคลาดเคลื่อน ความจริงประจักษ์พยานของโจทก์คือนายวิน ยังแบ้ชาวญวนอพยพ ต่อมาได้ส่งไปยังประเทศที่สามก่อน จึงน่าจะถือเป็นกรณีพิเศษ รับฟังประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวนได้แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธชั้นศาลก็ตาม ถ้าจะไม่รับฟังเสียเลยน่าจะไม่ถูกต้องนัก พิเคราะห์แล้วปรากฏว่านายวิน ยังแบ้ไม่ได้มาเบิกความในศาล จึงรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของนายวิน ยังแบ้ไม่ได้ แม้นายวิน ยังแบ้เป็นชาวญวนอพยพจะไปอยู่ในประเทศที่สามแล้วก็ตาม เพราะการพิจารณาและสืบพยานในศาลต้องทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลย เว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ตามมาตรา 172 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.6 นั้น จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ซึ่งโจทก์จะต้องสืบให้เห็นว่า จำเลยกระทำผิดดังฟ้องเมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่พอฟังว่า จำเลยเป็นผู้กระทำความผิดก็ต้องยกฟ้องโจทก์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 185 และมาตรา 227 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา”
พิพากษายืน