แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้มารดาโจทก์ โจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้แทนมารดาโจทก์ให้จำเลยลงชื่อ โจทก์และจำเลยจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกันเมื่อโจทก์มาฟ้องคดีในนามของตนเองโดยมิได้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์นำสืบและอ้างในคำแก้ฎีกาว่า มารดาโจทก์ยกหนี้รายนี้ให้โจทก์โดยโจทก์มิได้ฟ้องตั้งประเด็นเช่นนั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์70,000 บาท จะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2529แต่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ โจทก์ทวงถามหลายครั้งแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยคิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2529 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 11,462บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 81,462 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ประมาณปี 2524 จำเลยกู้ยืมเงินจากมารดาโจทก์10,000 บาท ต่อมาเมื่อปี 2529 มารดาโจทก์คิดดอกเบี้ยแล้วนำไปรวมกับต้นเงินเป็นหนี้รวม 70,000 บาท จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้มอบแก่โจทก์โดยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์แต่อย่างใด จำเลยชำระหนี้แก่มารดาโจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า หนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นของมารดาโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับมอบอำนาจจากมารดาให้ฟ้องคดีและที่โจทก์นำสืบอ้างว่ามารดาโจทก์ยกหนี้ดังกล่าวให้โจทก์ ก็ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเรื่องการโอนหนี้ แล้วจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องว่า จำเลยให้การไว้ว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้มารดาโจทก์ โจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยนำมาให้จำเลยลงชื่อ ความจริงแล้วจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ ซึ่งข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้มารดาโจทก์ โจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้แทนมารดาโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์โจทก์และจำเลยจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีในนามของตนเองโดยมิได้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องส่วนที่โจทก์นำสืบและอ้างในคำแก้ฎีกาว่ามารดาโจทก์ยกหนี้รายนี้ให้โจทก์นั้น โจทก์มิได้ฟ้องตั้งประเด็นเช่นนั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยมาก็ตาม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์