คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่ผู้ร้องเช่าซื้อมาเป็นคนละส่วนกับที่พิพาทที่โจทก์ฟ้อง ขับไล่จำเลย แม้ผู้ร้องจะได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากว. เช่นเดียวกับจำเลยตลอดจนผลแห่งคดีนี้อาจทำให้จำเลยต้องแพ้คดีมีผลกระทบจนเป็นที่หวั่นเกรงว่าโจทก์อาจนำคดีมาฟ้องร้องได้ก็ไม่ใช่เป็นผลแห่งคดีโดยตรงที่กระทบหรือผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิตามกฎหมายของผู้ร้อง จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีที่จะเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2)

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่22073 ข้อให้บังคับจำเลยทั้งสี่และบริวารซึ่งบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทหากจำเลยทั้งสี่และบริวารไม่ยอมรื้อถอนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลสั่งให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้จำเลยทั้งสี่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ห้ามจำเลยทั้งสี่และบริวารเกี่ยวข้องอีกต่อไปกับให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าเสียหายคนละ เดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะออกจากที่พิพาท
จำเลยทั้งสี่สำนวนให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยทั้งสี่มีสิทธิในที่พิพาทโดยได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่พิพาทจากนายวิญญูและได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ โจทก์ทราบดีว่าที่พิพาทมีคนอยู่อาศัยก่อนที่จะรับซื้อฝากที่พิพาทจากนายวิญญู โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกไปจากที่พิพาทขอให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่า ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีจึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้งสี่บุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่พิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยทั้งสี่ให้การความว่าจำเลยทั้งสี่มีสิทธิในที่พิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าซื้อที่ทำกับนายวิญญูเจ้าของเดิม ซึ่งโจทก์ก็ทราบดีก่อนที่โจทก์จะรับซื้อฝากที่พิพาทจากนายวิญญู โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้นผลแห่งคดีที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสี่ได้หรือไม่ เป็นผลโดยตรงระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสี่หาเกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกไม่ ที่ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดอ้างในคำร้องว่าผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับจำเลยทั้งสี่ที่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากนายวิญญูและได้เข้าครอบครองที่ดินที่เช่าซื้อมาในคราวเดียวกับจำเลยทั้งสี่จึงมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีนั้น เห็นว่า ที่ดินที่ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดเช่าซื้อมาเป็นคนละส่วนกับที่พิพาทที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ แม้ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดจะได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากนายวิญญูเช่นเดียวกับจำเลยทั้งสี่ ตลอดจนผลแห่งคดีนี้อาจทำให้จำเลยทั้งสี่ต้องแพ้คดีมีผลกระทบจนเป็นที่หวั่นเกรงว่าโจทก์อาจนำคดีมาฟ้องผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดฎีกาก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นผลแห่งคดีโดยตรงที่กระทบหรือผูกพันผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิตามกฎหมายของผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดแต่อย่างใดไม่กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีที่จะเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 57(2)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยโดยไม่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งสี่สิบเอ็ดเข้าเป็นจำเลยร่วมจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share