แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสูบฝิ่นนอกโรงและมีฝิ่นไว้ ศาลลงโทษฐานเดียว
วิธีพิจารณาอาชญา จำเลยทำผิดเวลาใดที่มีกฎหมายบัญญัติไว้อย่างไร จำเลยก็ต้องควรได้รับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างนั้น กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑ ถึง ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๒ จำเลยสูบฝิ่นนอกโรงกับมีฝิ่นและมูลฝิ่นไว้อีก จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินให้ปรับจำเลย ๔ เท่าราคาฝิ่นเปนเงิน ๗ บาท ๖๐ สตางค์ และลดฐานปราณีให้ คงปรับจำเลย ๕ บาท
โจทก์ฎีกาเปนปัญหากฎหมายว่า ( ๑ ) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสูบฝิ่นนอกโรงกับฐานมีฝิ่นไว้อีกฐานหนึ่ง ศาลควรลงโทษทั้ง ๒ ฐาน ( ๒ ) ศาลควรปรับจำเลยอย่างน้อย ๕๐ บาทตามประกาศแก้คำผิดลงวันที่ ๕/๑๐/๒๔๗๒ เพราะประกาศมีผลย้อนหลัง และโจทก์ฟ้องเมื่อประกาศออกใช้แล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามปัญหาข้อ ๑ นั้น ความผิดของจำเลยที่ทำลงอยู่ในบทเดียวกันคือ ตาม ม.๕๓ ศาลมีอำนาจลงโทษฐานเดียวได้ ส่วนข้อ ๒ เห็นว่าจำเลยทำผิดเมื่อกฎหมายได้บัญญัติให้ปรับเพียง ๔ เท่าของราคาฝิ่น ไม่ได้บัญญัติให้ปรับไม่น้อยกว่า ๕๐ บาท และตามประกาศแก้คำผิดก็หาได้บอกว่าให้มีผลย้อนหลังไม่ แม้โจทก์จะฟ้องภายหลังประกาศบอกแก้คำผิดแล้วก็ดี ก็ไม่เปนประโยชน์แก่คดีโจทก์เพราะศาลถือเปนหลักอยู่ว่า จำเลยทำผิดเวลาใดที่มีกฎหมายบัญญัติไว้อย่างไร จำเลยก็ควรได้รับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างนั้น จึงตัดสินยืนตามศาลล่าง