แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอ.ผู้เสียหายซึ่งอายุยังไม่เกิน13ปีแต่จำเลยไม่เคยสอนในชั้นที่ผู้เสียหายเรียนจำเลยสอนเด็กเล็กทั้งจำเลยมิได้เป็นครูใหญ่ซึ่งโดยหน้าที่แล้วมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนักเรียนทั้งโรงเรียนหรือเป็นครูเวรหรือได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุจึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยอันจะเป็นผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลมาตรา285จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคสองเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2534 เวลากลางวันจำเลยซึ่งรับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดวังยายฉิมกระทำชำเราเด็กหญิงอัมภร ทุยดอย ผู้เสียหาย อายุยังไม่เกิน13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแลของจำเลยจนสำเร็จความใคร่1 ครั้ง โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม เหตุเกิดที่ตำบลหินตั้งอำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 285
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 จำคุก 6 ปี จำเลยกระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลต้องระวางโทษหนักขึ้นหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285เป็นจำคุก 8 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 285จำคุก 2 ปี และปรับ 10,000 บาท เมื่อคำนึงถึงอายุของจำเลยประกอบจำเลยรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการ ในอีกด้านหนึ่งถือว่าจำเลยเคยมีคุณความดีมาก่อน ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องคดีอาญาอื่น และคดีได้ความว่ามีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้เสียหายแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปีค่าปรับไม่ชำระให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดวังยายฉิม อำเภอเมืองนครนายกจังหวัดนครนายก ผู้เสียหายเป็นนักเรียนของโรงเรียนวัดวังยายฉิมโจทก์กล่าวฟ้องว่าเหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2534และขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีอายุ 11 ปีเศษ คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานว่า ในวันเกิดเหตุเวลา 15.30 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน ขณะผู้เสียหายไปเอารถจักรยานจะขับกลับบ้านจำเลยมาบอกให้ผู้เสียหายไปพบจำเลยที่ห้องพยาบาลเมื่อผู้เสียหายไปตามที่จำเลยสั่ง จำเลยปิดประตูห้องและถอดเสื้อของจำเลยออกแล้วบอกให้ผู้เสียหายถอดกางเกงชั้นในผู้เสียหายไม่ยอมถอดจำเลยจึงจัดการถอดกางเกงชั้นในของผู้เสียหายออกเพียงอย่างเดียวและอุ้มผู้เสียหายไปนอนบนเตียง หลังจากนั้นจำเลยก็ถอดกางเกงขายาวและกางเกงชั้นในของจำเลยออกแต่ยังใส่เสื้อกล้ามอยู่แล้วจำเลยนอนทับผู้เสียหาย หมอแก้มผู้เสียหาย และเอาอวัยวะเพศของจำเลยมาใส่ที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายพร้อมกับดันเข้าผู้เสียหายรู้สึกเจ็บ จำเลยดันเข้าชักออกแล้วมีน้ำไหลออกมาเปื้อนขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายและพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานแวดล้อมไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอันจะทำให้เห็นได้ว่าเบิกความปรักปรำจำเลย พยานแวดล้อมกรณีของโจทก์สอดคล้องกับคำเบิกความของข้อสงสัยผู้เสียหายประกอบด้วยเหตุผลอันสมควรจึงมีน้ำหนักดี เชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายในวันเวลาเกิดเหตุจริงตามฟ้อง ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยมาเบิกความเป็นพยานปฏิเสธความผิดเป็นการเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักที่จะหักล้างพยานโจทก์ได้ แต่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยไม่เคยสอนในชั้นที่ผู้เสียหายเรียน จำเลยสอนเด็กเล็กทั้งจำเลยมิได้เป็นครูใหญ่ซึ่งโดยหน้าที่แล้วมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนักเรียนทั้งโรงเรียน หรือเป็นครูเวรหรือได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ดูแลผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยอันจะเป็นผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง แต่โทษของจำเลยที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นคลาดเคลื่อนไปจากที่กฎหมายบัญญัติไว้และโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้กำหนดโทษให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษเสียใหม่ให้ถูกต้องเพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 6 ปี