แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้ ย. เพื่อชำระหนี้ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ย. ย่อมโอนให้แก่ผู้เสียหายด้วยการส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 ผู้เสียหายจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปเรียกเก็บเงินแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 ขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท ผู้เสียหายเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย จึงมีฐานะเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4) แม้ต่อมาภายหลังผู้เสียหายจะได้รับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวจาก ย.ก็เป็นการชำระหนี้ตามกฎหมายที่ย. จะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะที่ ย. เป็นผู้โอนเช็คดังกล่าวชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย มิใช่เป็นการชำระหนี้แทนจำเลย จึงไม่ทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 แต่อย่างใด โจทก์จึงยังคงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา4(1),(2) จำคุก 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยมีว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะนายยุทธนามอบเช็คตามเอกสารหมาย จ.1 ให้ผู้เสียหายเพื่อแลกเงินสดโดยไม่มีการสลักหลังหรือไม่มีสัญญากู้ยืมใด ๆ หนี้ระหว่างนายยุทธนากับผู้เสียหายไม่เป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและใช้บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย เห็นว่าตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 บัญญัติว่า “ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ฯลฯ เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิด ฯลฯ” การที่จำเลยออกเช็คเอกสารหมาย จ.1 มอบให้นายยุทธนาเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อขายสับปะรดซึ่งจำเลยซื้อจากนายยุทธนา เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ทั้งเช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนายยุทธนาย่อมโอนให้แก่ผู้เสียหายด้วยการส่งมอบให้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 918 ประกอบมาตรา 989 โดยไม่จำต้องสลักหลังหรือมีสัญญากู้ยืมใด ๆ มาแสดง ผู้เสียหายจึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อผู้เสียหายนำเช็คนั้นไปเรียกเก็บเงินแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมมีความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว ส่วนการที่นายยุทธนามอบเช็คเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่ผู้เสียหายจะเป็นการมอบให้เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหนี้ระหว่างผู้ทรงเช็คคนแรกกับผู้ทรงเช็คคนต่อมา หาทำให้มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คเปลี่ยนแปลงไปไม่ จำเลยจึงไม่พ้นความผิด ส่วนที่จำเลยฎีกาต่อไปว่านายยุทธนาได้ชำระเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายจึงไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายอีกต่อไปทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเห็นว่าขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 ผู้เสียหายเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย จึงมีฐานะเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4) แม้ต่อมาภายหลังผู้เสียหายจะได้รับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวจากนายยุทธนา ก็ไม่ทำให้ฐานะการเป็นผู้เสียหายของผู้เสียหายในคดีอาญาหมดไป ทั้งการชำระหนี้ของนายยุทธนาแก่ผู้เสียหายก็เป็นการชำระหนี้ตามกฎหมายที่นายยุทธนาจะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะที่นายยุทธนาเป็นผู้โอนเช็คดังกล่าวชำระหนี้แก่ผู้เสียหายมิใช่เป็นการชำระหนี้แทนจำเลย จึงไม่ทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 แต่อย่างใด โจทก์จึงยังคงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน