คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย และใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 200,000 บาท จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโดยจำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองยังประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอพิจารณาคดีใหม่จำเลยทั้งสองก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 49,763,780.99 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปี จากต้นเงิน 8,476,275.98 บาท18,890,000 บาท และ 16,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1169, 16689ถึง 16696 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 25 และ 27 พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ หากไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การต่อสู้คดีแต่ขาดนัดพิจารณา ศาลจึงพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่ามิได้จงใจขาดนัดขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามคำขอท้ายฟ้องกับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งจำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีเป็นการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 7 วัน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งว่า จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ขอพิจารณาคดีใหม่ มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาล
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นโดยจำเลยทั้งสองมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วนและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 200,000 บาท จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโดยจำเลยทั้งสองไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยทั้งสองยังประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอพิจารณาคดีใหม่ก็ตามจำเลยทั้งสองก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน หากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ก็ให้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่วันทราบคำพิพากษานี้

Share