คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การตีความว่าสินค้าใด จะอยู่ในประเภทใด จะต้อง เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503มาตรา 12 วรรคสอง โดย ไม่อาจจะนำหลักที่นอกเหนือจากที่ กำหนดมาเป็นหลักเกณฑ์ในการตีความได้ เมื่อสินค้าที่จำเลยนำเข้า เป็นอะลูมิเนียมแผ่นกลมเรียบมีรู ตรงกลางใช้ สำหรับทำ หลอดยาสีฟันจึงเป็นสินค้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นที่จัดเตรียมไว้ เพื่อทำหลอดทำด้วย อะลูมิเนียมตาม รายการที่ระบุไว้ในพิกัด ประเภท 76.06โดย ชัดแจ้ง ดังนี้ จะตีความเข้าอยู่ในพิกัด ประเภทที่ 75.16 ซึ่งระบุไว้กว้าง ๆ ไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรตามกฎหมายศุลกากร และตามประมวลรัษฎากร ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม2521 จำเลยนำสินค้าทำด้วยอะลูมิเนียมมีลักษณะเป็นแผ่นกลมเรียบเส้นผ่าศูนย์กลางเกินกว่า 6 มิลลิเมตร และมีส่วนหนาเกินกว่า 0.20มิลลิเมตร ทั้งความหนาเกินกว่าหนึ่งในสิบของเส้นผ่าศูนย์กลาง จากประเทศออสเตรเลียเข้ามาในราชอาณาจักร และสำแดงประเภทพิกัดเป็นพิกัดที่ 76.06 อัตราอากรร้อยละ 15 ที่ถูกต้องแล้วสินค้าดังกล่าวเป็นของอื่น ๆ ที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นสินค้าตามประเภทพิกัดที่ 76.16 ข. อัตราอากรร้อยละ 30 การสำแดงรายการในใบขนสินค้าขาเข้าที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว ทำให้โจทก์ทั้งสองเรียกเก็บภาษีอากรขาดไปต่อมาโจทก์ที่ 1 ตรวจสอบพบในใบขนสินค้าขาเข้าดังกล่าว จึงแจ้งให้จำเลยนำภาษีอากรจำนวนที่ขาดอยู่ไปชำระ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลที่ขาดจำนวนกับเงินเพิ่มเป็นเงิน 840,269.74 บาท พร้อมเงินเพิ่มภาษีการค้าอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน ของภาษีการค้าที่ขาดอยู่จำนวน226,081.94 บาท กับเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลในอัตราร้อยละ 10ของเงินเพิ่มภาษีการค้าดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าว่าเป็นอะลูมิเนียมสลั๊กใช้ทำหลอดยาสีฟัน และจำเลยได้นำไปประกอบการอุตสาหกรรมทำหลอดยาสีฟันดังที่ได้สำแดงมิใช่เป็นการระบุชนิดของสินค้าไว้ในใบขนสินค้าอย่างหนึ่ง แต่กลับนำไปประกอบการอีกอย่างหนึ่งได้ผ่านการตรวจสอบของเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1 หลายขั้นตอนแล้วกองพิกัดอัตราศุลกากรและกองพิธีการนำเข้าและส่งออก โดยไม่มีการทักท้วง หรือเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่ม จึงเป็นการชำระภาษีอากรที่ถูกต้อง สินค้าที่จำเลยนำเข้ามิใช่เป็นสินค้าตามประเภทพิกัดที่ 76.16 ข. แต่เป็นสินค้าแผ่นอะลูมิเนียมทำเป็นรูปวงกลม เจาะรูเพื่อใช้ทำหลอดยาสีฟัน ตรงกับพิกัดที่ 76.06 และในทางปฏิบัติที่ผ่านมา จำเลยนำอะลูมิเนียมสลั๊กเข้ามา เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ 1ก็กำหนดให้จำเลยชำระค่าภาษีอากรขาเข้าตามพิกัดที่ 76.06 ตลอดมาโจทก์เพิ่งมาให้จำเลยชำระค่าภาษีอากรขาเข้าตามพิกัดที่ 76.16 ข.คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของโจทก์หลังจากที่จำเลยได้ชำระค่าภาษีอากรไปแล้ว จึงไม่มีผลย้อนหลัง จำเลยไม่ต้องชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า “…พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503มาตรา 12 วรรคสอง บัญญัติว่า “การตีความให้ถือตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรในภาค 1 ท้ายพระราชกำหนดนี้” ซึ่งภาค 1ข้อ 3 หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรกำหนดว่า “ถ้าเห็นว่าของชนิดใดอาจจัดเข้าได้สองประเภทหรือมากกว่านั้น จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามให้ถือหลักการจำแนกประเภทดังนี้
ถ้าประเภทหนึ่งระบุลักษณะของของไว้โดยชัดแจ้ง และอีกประเภทหนึ่งระบุไว้อย่างกว้าง ๆ ให้จัดเข้าในประเภทที่ระบุไว้โดยชัดแจ้ง…” ดังนั้นการตีความว่าของใดจะอยู่ในประเภทใด จึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายดังกล่าวข้างต้นกำหนดไว้ ไม่อาจจะนำหลักที่นอกเหนือจากที่กำหนดมาเป็นกฎเกณฑ์ในการตีความได้ ในเมื่อสินค้าที่จำเลยนำเข้าเป็นอะลูมิเนียมแผ่นกลมเรียบมีรูตรงกลางใช้สำหรับทำหลอดยาสีฟัน จึงเป็นสินค้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นที่จัดเตรียมไว้เพื่อทำด้วยหลอดอะลูมิเนียมตามรายการที่ระบุไว้ในพิกัดประเภทที่ 76.06 โดยชัดแจ้ง จะตีความว่าเข้าอยู่ในพิกัดประเภทที่ 76.16ซึ่งระบุไว้กว้าง ๆ โดยอาศัยหลักเกณฑ์อื่นตามที่โจทก์อ้างนั้นเป็นการตีความที่ไม่ถูกต้อง โจทก์ที่ 1 จึงไม่อาจจะเรียกเก็บภาษีอากรในพิกัดประเภทที่ 76.16 ได้ เมื่อโจทก์ที่ 1 ไม่อาจเรียกเก็บอากรเพิ่มขึ้นได้แล้ว โจทก์ที่ 2 ก็ไม่อาจเรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่มขึ้นได้…”
พิพากษายืน.

Share